ที่จั่วหัวไว้อย่างนี้ ไม่ใช่ว่าหนังไม่ได้เรื่องไร้สาระ แต่เนื้อแท้ของหนังไม่ได้เน้นที่สาระ แต่เน้นที่อารมณ์คนดูต่างหาก
ดังนั้นคนที่ดูหนังเรื่องนี้ อย่าคาดว่าหนังจะมาแนว Amityville Horror หรือ Poltergeist หรือพวกบ้านผีสิงต่าง ๆ ที่มีเสียงปึงปังดังตลอดทั้งเรื่อง ทำให้เรานั่ง ๆ ดูอยู่ดีๆ แล้วก็ ปัง! ให้เราสะดุ้งสุดตัวแล้วหันไปพูดกับเพื่อนข้าง ๆ ว่า "ไอ้เ....ย" (โปรดเติมคำในช่องว่าง) แล้วก็หัวเราะกันคิก ๆ คักๆ (แก้เก้อ)
หรืออย่าคิดว่าจะมาแบบ Juon ไม่ปึงไม่ปัง มากันแบบเป็นตัว ๆ เห็นกันจะ ๆ ก่อนมาต้องมีดนตรีโหมโรง บิ้วท์มาก่อน แบบคอนเฟิร์มว่ามาแน่ ๆ
แต่ตัวหนังเล่นกับบรรยากาศความกลัว แบบที่คนเราจะกลัวกันจริง ๆ คือกลัวในสิ่งที่ไม่รู้ ไม่สามารถเห็นได้ชัดเจน ใช้การสร้างบรรยากาศในความกลัวที่เงียบงัน
ซึ่งถือว่าหนังเรื่องนี้ทำได้ถึง และต้องยกความดีความชอบให้กับผู้กำกับ Tod Williams
วัดได้จากปฏิกริยาคนดูส่วนใหญ่ที่ได้ดูนะครับ
ส่วนตัวผมเอง เพิ่งจะได้ดูเรื่องนี้ตอนเป็นแผ่น และมี 4 เหตุผลที่ผมดูแล้วไม่อารมณ์หลอนหรือน่ากลัวเท่าที่ควร คือ
1) ภาพและเสียง ของอุปกรณ์ที่ใช้ดูไม่ถึง
2) บรรยากาศรอบข้างไม่ช่วย
3) ดูหนังผีมาเยอะ ภูมิต้านทานสูง
4) ดูแบบพากย์ไทย
ดังนั้นใครจะดูเรื่องนี้ที่บ้าน เห็นหลายคนแนะนำแล้วว่าทางที่ดี ดูจอใหญ่ ๆ เครื่องเสียงดี ๆ เปิดให้ดัง ๆ จัดบรรยากาศให้ดี ๆ หน่อย ดูซักช่วงตี 1 ตี 2 (แต่นอนมาให้พอนะ) ดูคนเดียว หรือกับแฟนก็ได้ แล้วจะได้อารมณ์
ผมเคยดูหนังเรื่อง Kairo ผีอินเตอร์เนต (สาบานว่าชื่อไทยอย่างนี้จริง ๆ) ดูในโรง ดูจบผมบอกกับตัวเองว่า "กูไม่น่ามาดูเลย) ตอนดูในโรง ช่วงที่ผีโผล่มานะ ผมจับพนักเก้าอี้แน่น แบบเกร็งไปทั้งตัว ดูจบแล้วเวลาเดินขึ้นบ้านตอนมืด ๆ หลอนไปหลายวัน
เป็นหนังผี ที่ผมดูแล้วกลัวที่สุด เรื่องอื่นดูมาหลายเรื่อง ไม่มีเรื่องไหนทำให้ผมกลัวได้มากเท่านี้ บางเรื่องน่ากลัวในตอนดู ดูจบ ๆ ก็จบไป (เช่น the Other , Sixth sense)
แต่พอเอามาเปิดดูที่บ้าน ให้เพื่อนดู มันไม่ได้อารมณ์เหมือนดูในโรงเลย
นี่เป็นเหตุผลสำคัญเลยที่หนังต้องดูในโรง
กลับมาที่หนัง ทราบมาว่าตัวหนังลงทุนแค่ 15,000 ดอลล่าห์ แหงละ นักแสดง 4 คน นางเอก พระเอก ตัวประกอบ 2 คน เวอร์ชั่นอื่น อาจมีตำรวจโผล่มาอีก (เห็นว่านางเอกกับพระเอกได้ค่าจ้างคนละ 500) , กล้อง Handheld , โลเกชั่นอยู่ในบ้านตลอด (รู้สึกจะเป็นบ้านผู้กำกับเอง) พร็อบเพริบอะไรไม่ต้องใช้ บทไม่ต้องเขียน แสดงตามคำสั่งผกก. แต่ทำเงินทั่วโลกไป 180 กว่าล้านดอลล่าห์ (โอ้ แม่เจ้า)
ได้ข่าวว่าจะมีภาค 2 ฉายช่วงประมาณฮาโลวีนปีนี้ (2010) ถือว่าหนังตามรอยความสำเร็จของ the Blair Witch Project
หลายคนดูเรื่องนี้แล้วอาจสับสนว่าตกลงเรื่องจริงหรือแต่ง หรือสร้างจากเรื่องจริง ซึ่งหนังมีไอเดียดีตรงนี้แหละครับ หลอกให้เราเข้าใจว่าเป็นเรื่องจริง ยิ่งช่วยสร้างบรรยากาศ ทั้งคำพูดตอนต้นเรื่อง และคำพูดท้ายเรื่อง แถมหนังจบไม่มีเครดิตอีกแน่ะ ถือว่าเข้าขั้นเทพ ถ้าคุณไปดูใน Imdb.com คุณก็จะไม่เห็นรายชื่อนักแสดงเหมือนหนังเรื่องอื่น ๆ เหมือนหนังจะบอกเล่าว่า "นี่เรื่องจริงไง"
ผมชอบฉากที่ตัวเอกลุกขึ้นมาทำอะไรประหลาดตอนกลางคืนนะ มันได้อารมณ์น้อยแต่มาก (ต้องดูเอาเองนะครับ)
ส่วนอื่น ๆ ก็ได้อารมณ์ตกใจบ้าง หลอนบ้าง
ดูหนังจบแล้วเชื่อว่าหลายคนอาจมีคำถาม
1) ทำไมมันไม่ปิดประตูนอนกันฟะ (ตอนแรก ๆ พอเข้าใจว่าต้องการถ่ายวิดีโอ แต่หลัง ๆ นี่)
2) จะลุกจะเดินไปไหนทำไมไม่ใช้บริการการไฟฟ้ามาหานะเธอ (ส่วนใหญ่เป็นกันทุกเรื่อง
3) เครียดผีหลอกในบ้าน แต่ตูอยู่บ้านมันทั้งวัน แถวบ้านไม่มีห้างให้เดินเล่นเลยเหรอ
4) ............... (โปรดเติมคำในช่องว่าง)
ผมให้คะแนนเรื่องนี้ 8/10 ครับ
ที่ให้สูงขนาดนี้เพราะหนังประสบความสำเร็จในแนวทางที่หนังต้องการนำเสนอครับ คือสร้างบรรยากาศหลอน น่ากลัว ให้ต่างจากหนังผีเรื่องอื่น ๆ
ปล. อ้อตอนจบมี 3 แบบนะครับ (หาเจอเท่านี้) แต่ผมชอบแบบที่ผมดูมากที่สุด (แบบแผ่นบ้านเรา)
แบบแรกคือแบบในแผ่นบ้านเรา
แบบที่สองคือแบบนางเอกฆ่าตัวตาย
แบบที่สาม นางเอกนั่งไม่ได้สติอยู่เป็นวัน แล้วมีเพื่อนบ้านมาเจอศพพระเอกแล้วเรียกตำรวจมา แล้วนางเอกลุกขึ้นไปหาตำรวจตำรวจสั่งให้ทิ้งมีด แต่ไม่ยอมทิ้งมีด เลยโดนยิงตาย รู้สึกจะเป็นเวอร์ชั่นฉายที่อเมริกา อันนี้หายากมาก ผมเคยตามลิ้งค์ไปดูแต่จำต้นตอไม่ได้แล้ว ใน youtube ก็โดนลบหมด
เรื่องนี้สนุกครับ
ตอบลบตอนแรก อ่านรีวิวจากที่ต่างๆ คนบอกว่าน่ากลัวมั่กๆ บางคนบอกหลอนเลย
แต่ผมดูแล้วไม่ถึงขนาดนั้น แต่ก็สนุกดีครับ