ยินดีต้อนรับครับ

ยินดีต้อนรับครับ

ทักทาย

ผมลองจัดระเบียบบล็อกใหม่ดูนะ ครับ

โดยแบ่ง Group Blog ออกตามประเภทของหนังและนิยายนะครับ
เพราะคิดว่าหลายคนส่วนใหญ่ไม่ได้ชอบ ดูหนังทุกประเภท

เช่น บางคนชอบดูหนัง Romantic แต่ไม่ชอบดูหนังสยองขวัญเลย เพราะไม่ชอบ น่ากลัว

บางคนก็ชอบดูหนัง สยองขวัญเป็นชีวิตจิตใจ หนังชีวิตน่าเบื่อมาก ไม่ชอบดู

ผมเลยแบ่ง หมวดหมู่เป็นประเภทของหนัง (แต่ตอนนี้แต่ละหมวดยังน้อยอยู่) เผื่อว่าใครผ่านเข้ามาในบล็อกแล้วอยากจะอ่านรีวิวเก่า ๆ จะได้เลือกได้ตามประเภทของหนังตามที่ชอบได้

ที่แบ่งตั้งแต่ตอนนี้ แม้หนังที่เขียนยังไม่เยอะ เพราะคิดว่าต่อไปเกิดเยอะมาแบ่งที่หลังจะยิ่งเสียเวลาน่ะครับ

บางเรื่องก็แบ่งยากเหมือนกัน มันคาบเกี่ยวกัน แต่ผมจะพยายามยึดอารมณ์ของหนังเป็นหลักน่ะครับ

อ้อ แล้วก็ในบล็อกผมตั้งใจจะขึ้นคำเตือนในทุกบล็อกว่าตรงไหนคุยแบบไม่สปอยล์ ตรงไหนคุยแบบสปอยล์ เวลาใครมาอ่านจะได้อ่านแบบสบายใจได้ไม่ต้องกลัวถูกสปอยล์นะครับ

ถ้าใครแวะมาแล้วไม่รู้จะคอมเมนต์ อะไร ก็ฝากข้อความทิ้งไว้ที่ Shout Box ด้านข้างได้นะครับ


ขอบคุณ ทุกท่านที่แวะเวียนมาอ่านนะครับ ผมก็จะแวะเวียนไปหาท่านด้วยเช่นกัน ตามโอกาสและเวลา

วันพุธที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

Iris ซีรี่ย์เกาหลีฟอร์มยักษ์ ความรัก ซาบซึ้ง เดียวดาย กินใจ ยิ่งใหญ่ หลากหลายรสชาติในเรื่องเดียว


รีวิวกึ่งวิจารณ์ บทความนี้ไม่สปอยล์เนื้อหาสำคัญของเรื่องครับ

หลังจากผมได้ลิ้มรสชาติของซีรี่ย์อเมริกา โดยเริ่มต้นจาก 24 แบบนันสต็อบ และต่อด้วย Lost หลังจากนั้นมาก็ไม่เคยได้ดูซีรี่ย์เกาหลีอีกเลย

ไม่ใช่ว่าไม่ชอบ แต่เพราะมันไม่มีเวลา ถ้าจะมีเวลาซักหน่อย ก็จะเอาเวลาไปตามดูซีรี่ย์ฝั่งอเมริกา ทั้งแบบที่ตามหลังชาวบ้านกับแบบที่ว่าอเมริกาฉายเมื่อไหร่ ก็ดูต่อจากบ้านเขาเลย สัปดาห์ละตอน และหลายเรื่อง

ดังนั้น Iris จึงเป็นซีรี่ย์เกาหลีเรื่องล่าสุดที่ได้ดูหลังจากห่างหายจากวงการไปหลายปี


เพราะ Kim Tae Hee แท้ ๆ คนเดียว



Iris เป็นภาพยนตร์ซีรี่ย์ฟอร์มยักษ์ของเกาหลี (ลงทุนประมาณ 600 ล้านบาท) ที่จับเอาเรื่องราวที่จริงจัง และขึงขัง อย่างเช่นหน่วยงานลับ หน่วยข่าวกรอง หน่วยต่อต้านการก่อการร้าย ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเกาหลีเหนือ และเกาหลีใต้ การหักหลัง ลอบสังหาร เฉือนคม ชิงไหวชิงพริบ ด้วยการทำงานแบบไฮเทค และฉากแอคชั่นวินาศสันตะโร มีอะไรอีกล่ะ ที่หนังแอคชั่นแนวสืบสวนจะมี

แต่สิ่งที่ทำให้หนัง (ขอเรียกว่าหนังแล้วกันนะครับ แม้จะเป็นเป็นหนังซีรี่ย์) เรื่องนี้ประสบความสำเร็จ คือการที่หนังมีเรื่องราวความรักระหว่างพระเอก นางเอก , พระรอง นางเอก , นางรอง พระเอก และ .... พระเอก พระรอง อันหลังนี้พูดเล่น

หนังเล่าเรื่องราวของเพื่อนรัก 2 คน คือ ฮยอนจุน นำแสดงโดย Lee Byung Hun (อีบยองฮอน) และ ซาวู นำแสดงโดย Jeong Jun Ho (จองจุนโฮ) ที่สนิทสนมกันเหมือนพี่น้อง ทั้งสองต่างเรียนในโรงเรียนทหารมาด้วยกัน ร่วมทุกข์ ร่วมสุขมาด้วยกัน แล้ววันหนึ่งทั้งคู่ก็ได้ถูกรับเลือกให้เข้าร่วมทำงานกับองค์กรลับของเกาหลีใต้ ซึ่งเปรียบเสมือนหน่วยงานรักษาความมั่นคงแห่งชาติ National Security Secret หรือ NSS


ทั้งคู่ต้องปฏิบัติงานในฐานะสายลับให้กับองค์กร โดยมีหัวหน้าเป็น สายลับสาวสวยชื่อว่า ซังฮี (ชื่อคล้าย ๆ สะพานกรุงธน) รับบทโดย Kim Tae Hee (คิมแตฮี) โดยเธอเป็นตัวแปรสำคัญที่มาแทรกกลางระหว่างความสัมพันธ์ของเพื่อนรักทั้งสอง เพราะเธอได้กลายเป็นรักแท้ของคนหนึ่ง และถูกแอบรักโดยอีกคนหนึ่ง (เริ่มเห็นแววเกาหลี)



เรื่องราวดำเนินไปด้วยการพบรักกันของฮยอนจุน กับซังฮี และความผิดหวังที่ข่มเก็บไว้ของซาวู สลับกับการดำเนินปฏิบัติการที่ทั้ง 3 ต้องร่วมกันรับผิดชอบในภารกิจลับสำคัญร่วมกัน การพิสูจน์ฝีมือของฮยอนจุนและซาวูได้รับการยอมรับจากผู้ใหญ่ในองค์ ทั้ง 3 คนจึงได้ปฏิบัติภารกิจสำคัญระดับชาติร่วมกัน แต่เมื่อภารกิจสำเร็จ กลับเป็นฮยอนจุนที่ถูกเรียกตัวด้วยคำสั่งลับให้ทำภารกิจอีก 1 อย่างแต่เพียงลำพังคนเดียว ซึ่งเป็นภารกิจที่ยากและเสี่ยงต่อความตาย แต่เมื่อจบจากภารกิจ เขาต้องการความช่วยเหลือจากกำลังสนับสนุน กลับพบว่าสิ่งที่เขาหวังไว้นั้น อาจไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง เขาจำเป็นต้องต่อสู้และดิ้นรนด้วยกำลังของตัวเขา เพื่อหนีจากสถานการณ์คับขัน และได้พบกับความจริงที่โหดร้ายอย่างหนึ่งว่า แม้หากว่ารอดไปได้ ชีวิตเขาคงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป


ในหนังเราจะได้พบกับตัวละครอื่น ๆ ที่มีบทบาทสำคัญในเรื่องนอกจากตัวละครหลัก 3 คนนี้ เช่น คิมซอนฮวา เจ้าหน้าที่สาวสวยแห่งหน่วยงานความมั่นคงเกาหลีเหนือ ผู้ยอมทิ้งชีวิตของตัวเอง ตามไล่ล่าพระเอก เพื่อแก้ตัวในความผิดพลาดที่เกิดขึ้น แต่กลับได้พบว่า ศัตรูคนสำคัญที่สุดในชีิวิตของเธอ กลับกลายเป็นคนที่ทำให้เธออยากมีชีวิตอยู่ต่อไป แล้วกว่าเธอจะรู้ตัว เธอก็มอบหัวใจให้เขาไปเสียแล้ว แต่น่าเศร้าและน่าเสียดาย ที่ที่ว่างในหัวใจของเขาไม่มีที่ว่างเหลือให้กับเธอเลย

ปาร์คชุนยอง หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยของเกาหลีเหนือ ผู้ยืนอยู่ตรงข้ามกับพระเอกในฐานะศัตรู แต่เหตุการณ์กลับพลิกผันให้ต้องร่วมมือกันในภารกิจสำคัญ



และวิค นักฆ่าหนุ่มเลือดเย็นที่ทำงานให้กับองค์กรลับ Iris มีหน้าที่ตามสังหารเป้าหมายตามที่ได้รับมอบหมายจากองค์กร รับบทโดย Top นักร้องชื่อดังจากวง Bigbang



ผมขึ้นต้นบทความด้วยการบอกเหตุผลในการดูเรื่องนี้ของผมนั่นคือมีคิมแตฮีแสดงในเรื่องนี้ แต่เมื่อดูผ่านไปเรื่อย ๆ กลับพบว่าคนที่ทำให้เรื่องสนุกสนานได้รสชาติที่หลากหลาย แบกรับหนังทั้งเรื่องไว้กับตัวเอง และมอบการแสดงระดับยอดฝีมือให้เราได้ชม คือ อีบยองฮอน


คุณไปถามผู้หญิงทุกคนที่ดูเรื่องนี้จบ (หรือถ้าไม่รู้จะถามจากที่ไหน ก็ลองหาอ่านความเห็นตามกระทู้หรือเวบรีวิวดูก็ได้) เกือบทั้งร้อยคนที่ดูหนังเรื่องนี้มักจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "พระเอกไม่เห็นจะหล่อ" หรือบางคนก็บอกว่า "รับไม่ได้ นี่เหรอพระเอก" แต่ถ้าคำพูดที่ว่า "อย่าตัดสินหนัง ถ้าคุณยังไม่ได้ดู และอย่าตัดสินนักแสดงที่รูปร่างหน้าตา" เป็นจริง (ซึ่งผมเป็นคนพูดเอง ที่นี่แหละ) เพราะถ้าคำพูดนี้จะเหมาะกับใครมากที่สุด ก็คงเป็น อีบยองฮอนเนี่ยแหละ



ในยุคที่พระเอกเกาหลีมีแต่ขาวตี๋ หน้าตาและทรงผมดุจเทพเจ้า อีบยองฮอน เป็นพระเอกแถวหน้าเกาหลีที่ยืนหยัดต้านกระแสนี้ ต้องคนที่ดูหนังของเขาเท่านั้นจะพบว่าเขามีพลังความเป็นซุปเปอร์สตาร์อยู่ในตัวสูงมาก



ไปถามได้อีกเช่นกัน ผู้หญิงแทบทุกคนที่ดูเรื่องนี้จบ จะบอกได้ว่า "พระเอกโคตรเท่ห์" "มีสเน่ห์มาก" "แสดงดีสุด ๆ" นี่เป็นส่วนหนึ่งของคำชมที่เขาสมควรได้รับ


จริงอยู่ที่ว่าทุกวินาทีที่คิมแตฮีขึ้นจอ จะทำให้โลกนี้สดใส เหมือนกับว่าติดสปอตไลท์ 15,000 วัตต์ไว้ทุก ๆ 1 เมตร รอบตัวเรา เธอให้การแสดงที่ดีเยี่ยม เหมือนที่พิสูจน์ตัวเองในผลงานการแสดงมาตลอด (อย่าไปเอาหนังโรงบางเรื่องมาคิด) และบทบาทใน Iris ก็เปิดโอกาสให้เธอได้แสดงอารมณ์ที่หลากหลาย ยามตกหลุมรัก เราก็รับรู้ได้เลยว่านี่คือผู้หญิงที่กำลังมีความสุขที่สุดในโลก ยามแสดงออกแบบกุ๊กกิ๊ก หรือต้องรักแบบแอบ ๆ ซ่อน ๆ ก็ทำให้เราอมยิ้มแก้มแทบปริ กับการแสดงที่มีจริตจก้าน น่าเอ็นดู

สำหรับการรับบทหนังแอคชั่นเรื่องแรกของเธอ (เช่นกัน อย่าไปเอาหนังฟาดฟันกระบี่กันโช้งเช้งมาคิด) ถือว่าสอบผ่าน ต้องขอบคุณผู้กำกับ และคนกำกับคิวบู๊ด้วย ที่ทำให้ฉากบู๊ต่อสู้ออกมาสมจริงสมจังพอที่เราจะเชื่อได้ว่าคนอย่างนางเอกจะสู้ได้แบบนั้น โดยเฉพาะฉากการต่อสู้ที่เกิดขึ้นในสำนักงานของ NSS ที่ต้องต่อสู้แบบที่เรียกว่า "สู้เพื่อชีวิต" ฉากนั้นทำออกมาได้ถึงอารมณ์ใกล้เคียงฉากต่อสู้ตัวต่อตัวในหนังอย่าง The Bourne Identity ได้เลย แม้อาจจะดูเหลือเชื่อไปบ้างจากการฟื้นตัวหลังจากนั้นก็ตาม


กลับมาที่พระเอกของเรา แน่นอนที่ว่าบทของหนังให้พระเอกเป็นตัวสำคัญที่เป็นแกนของเรื่อง ทำให้เขาได้มีโอกาสพิสูจน์ฝีมือให้เราได้เห็นอย่างเต็มที่ อีบยองฮอนแสดงเป็นผู้ชายอารมณ์ดี ฉลาด กล้าได้กล้าเสีย และโรแมนติค เหมือนว่าทุกสิ่งที่ผู้ชายคนนี้ทำมันจะ "โดน" ไปทั้งหมด ไม่แปลกใจที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะรักเขาอย่างสุดหัวใจ



ฉากที่เขาต้องแสดงเป็นคนทะเล้น หน้าเป็นหรือหยอกล้อ ทำให้เห็นได้ชัดว่าผู้ชายคนนี้มีแรงดึงดูด ทุกครั้งที่เขายิ้ม มันช่างจริงใจและก็แฝงไว้ด้วยความขี้เล่นไปในตัว ต้องบอกว่าถึงแม้ไม่หล่อแต่มีสเน่ห์เหลือล้น (นี่ผมกำลังชมผู้ชายอยู่หรือเนี่ย) ส่วนเราถึงไม่หล่อแต่จนนะเออ 55


ว่ากันที่ฉากดราม่า ซึ่งเป็นช่วงเวลาส่วนใหญ่ของหนังเรื่องนี้ ผมไม่อยากพูดบรรยายมาก บอกได้แค่ว่า บยองฮอน เป็นคนที่แสดงออกทางสายตาได้ดีมาก ๆ หลายต่อหลายฉากที่เราสามารถมองเข้าไปในดวงตาของเขาแล้วรับรู้ได้เลยว่าชายคนนี้เศร้าขนาดไหน อย่างฉากที่เขาต้องเจอกับนางเอกหลังจากไม่เจอกันนาน ในสถานการณ์ที่ไม่เป็นใจ ทำให้ไม่สามารถแสดงออกได้ ต้องปิดบังไว้ แต่สิ่งที่ถูกสื่อสารผ่านดวงตาของเขามันบอกทุกอย่าง โดยไม่ต้องมีสคริปท์พูดแต่อย่างใด



ฉากกระแทกใจตอนหนึ่ง คือตอนที่เขาต้องลงมือซ้อมนางเอกเพื่อปิดบังความจริง และเพื่อช่วยชีวิตนางเอก ก็แสดงออกมาได้สะเทือนใจเป็นอย่างยิ่ง


และช่วงเวลาที่ฮยอนจุนอยู่กับซอนฮวา บทบาทการแสดงของเขาก็สื่อสารอารมณ์ออกมาได้ดี อารมณ์ของผู้ชายที่แม้จะอยู่ใกล้สาวสวยที่เขารู้ว่า เธอรักเขาอยู่ แต่เขาก็ไม่สามารถก้าวข้ามเส้น และปันใจให้เธอได้ เพราะเขามีคนอื่นอยู่แล้วเต็มหัวใจ เราจะได้เห็นการแสดงออกให้น้อยแต่สัมผัสมาก จากการแสดงของทั้งสองคน



คู่พระ - นางของเราแสดงรับส่งบทบาทกันได้อย่างดีทั้งในยากสุขและเศร้า ยามเจอและจากจร จนแม้กระทั่งหนังเรื่องนี้จบลง



ว่ากันที่นักแสดงอีกรายที่มีบทบาทมาก เปล่า ผมไม่ได้พูดถึงจองจุนโฮในบทซาวู พระรองของเรา เพราะขี้เกียจพูดถึงผู้ชายมากไปกว่านี้ ใช่ เขาก็แสดงได้ดีตามระดับมาตรฐาน แต่คงเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่รัศมีจะถูกทาบทับเมื่อต้องมาประกบกับการแสดงของบยองฮอนในเรื่องนี้ แต่ผมจะขอพูดถึงนางรองของเรื่องซักนิด คิมโซยอน อาจได้เกิดจากการแสดงในเรื่องนี้ เธออาจมีผลงานมาไม่น้อย แต่คงไม่มีบทไหนทำให้คนจดจำเธอได้มากเท่าบทของเจ้าหน้าสาวสวยเซ็กซี่ ในมาดผมสั้น แววตาโศกเศร้าตลอดทั้งเรื่อง อย่างบทของ คิมซอนฮวาในเรื่องนี้อีกแล้ว



โซยอนต้องแสดงเป็นอดีตเจ้าหน้าที่ของเกาหลีเหนือที่ตามไล่ฆ่าพระเอกเพื่อแก้ตัวให้กับผลงานความล้มเหลวของเธอ ถ้าเธอทำพลาด เธอจะไม่มีที่ให้กลับอีกต่อไป แต่เธอกลับพบว่าคนที่เธออยากฆ่ามากที่สุดกลับเป็นคนที่ปฏิบัติต่อเธอไม่เหมือนใคร ๆ ที่เธอเคยเจอ ซึ่งนั่นทำให้ซอกมุมมืดในหัวใจของเธอถูกเปิดไฟให้สว่างสไวขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งไม่รู้ว่าครั้งสุดท้ายนั้นนานแค่ไหนแล้ว


ฉากที่เธอกินข้าวที่พระเอกเอามาให้ทั้งน้ำตา และฉากที่เธอจับมือพระเอก ตอนที่เดินเงียบ ๆ ไปด้วยกัน ทำให้เราสงสารผู้หญิงคนนี้จับใจ สุดท้ายแล้วแม้เธอจะรู้ว่าเขาไม่อาจรักเธอได้ แต่อย่างน้อยเธอก็มีความสุขเงียบ ๆ อยู่ในใจ ที่มีใครคนหนึ่งอยู่ในหัวใจของเธอ


"แม้จะรวดร้าวแต่ได้รัก" ก็พอแล้ว


ถ้าจะว่ากันที่สัดส่วนความยอดเยี่ยมแล้ว Iris คงมีสัดส่วนความดีงามของเรื่องราว Romantic Drama กับ ส่วนที่เป็น Action Thriller ซัก 70/30

ว่าไปแล้ว Iris ก็เปรียบเสมือน 24 ในเวอร์ชั่นหนังรักเกาหลีประเภทเศร้าซึ้งนั่นเอง และไม่ทราบว่าผู้สร้างได้แรงบันดาลใจมาจาก 24 หรือไม่ แต่ผมอยากจะเชื่อว่าต้องได้อิทธิพลมาบ้างไม่มากก็น้อย เอาเฉพาะ ฉากที่เป็นสำนักงานของ NSS ก็มีส่วนคล้าย 24 อยู่บ้างเหมือนกัน



สิ่งที่เป็นข้อด้อยของ Iris คงเป็นเรื่องของความสมเหตุสมผลและความสมจริงที่บางฉาก บางตอนยังอ่อนอยู่ บางครั้งหนังตั้งธงไว้ให้กับตัวเองว่าจะต้องเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น แล้วจึงค่อยคิดหาวิธีและเหตุผลมารองรับ ซึ่งบ่อยครั้งที่ทางออกของหนังดูอ่อนเกินไป


ตัวละครบางตัวอาจทำเรื่องไม่สมเหตุสมผลเพื่อรองรับวัตถุประสงค์บางอย่างของหนัง ทั้ง ๆ ที่มีทางเลือกให้ทำอย่างอื่นซึ่งดูดีกว่า

หรือหลายครั้งที่การสืบสวนบางเรื่องทั้งที่ฝ่ายพระเอกทำหรือผู้ร้ายทำ มันดูง่ายดายจนเกินไป ยกตัวอย่างเช่น ตัวละครหนึ่งที่หลบซ่อนตัวเองมาได้นานถึงหลายสิบปี แต่กลับถูกค้นพบโดยกลุ่มผู้ร้ายและถูกตามฆ่าได้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ทั้ง ๆ ที่แทบจะไม่มีเบาะแสใด ๆ เลย

แต่ถามว่าทั้งเรื่องที่เราได้ดู มีแต่ฉากที่เราต้องส่ายหัวหรือเปล่า ก็ไม่ใช่เช่นนั้น เป็นเพียงแค่บางฉากเท่านั้น แต่โดยรวมก็ยังถือว่าโอเคอยู่ เพียงแต่ว่าความที่เห็นหนังยาว ทำให้เราอาจได้เห็นความบกพร่องนี้หลายครั้ง ก็เท่านั้นเอง น่าเสียดายที่ถ้าได้มือเขียนบทที่เชี่ยวชาญในเรื่องนี้มารับหน้าที่น่าจะทำให้หนังมีพลังได้มากกว่านี้

นอกจากนี้การกระจายบทบาทการแสดงภายในเรื่องยังทำได้กระท่อนกระแท่น บทสมทบอย่างเจ้าหน้าที่ด้านอื่น ๆ ใน NSS ที่ถูกแนะนำในตอนต้นเรื่อง แทบไม่มีบทบาทอะไรเป็นชิ้นเป็นอันในเรื่องเลย บางบทก็โผล่เข้ามาโดยปราศจากที่มาที่ไปที่ชัดเจน

แต่อย่างที่บอกว่าสิ่งเหล่านี้ถูกกลบด้วยการแสดงของพระ - นางประจำเรื่อง และเรื่องราวความ 4 เส้าที่เกิดขึ้น การตัดต่อเรื่องราวที่เน้นไปที่ความสัมพันธ์ของตัวละครหลัก สลับกับฉากแอคชั่นระทึกใจถือว่าทำให้ลงตัว ให้น้ำหนักการสับเปลี่ยนอารมณ์ของหนังได้ราบรื่นดี เสียตรงที่ว่า สำหรับคนที่ดูรวดเดียวจบแบบผม อาจจะรู้สึกว่ามีฉากรำลึกอดีตเยอะเกินไปหน่อย แต่ก็หยวน ๆ เพื่ออรรถรสของส่วนที่เป็นหนังรัก



น่าเสียดายที่ฉากจบช่วงท้าย ๆ ของเรื่อง ที่หนังหาทางออกให้ตัวละครบางตัวนั้นดูขาดความสมเหตุสมผลไปหน่อย และสูญเสียพลังของเรื่องราวไปในช่วงไคลแมกซ์ แต่เมื่อหนังดำเนินเรื่องมาถึงช่วงท้ายของสุดท้ายจริง ๆ จนจบ ก็ทำให้ผมพึงพอใจไปกับเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นใน 20 ตอนที่ผ่านมา


จนแม้ว่าหลับตานอนไปแล้วก็ยังไม่สามารถสลัดเรื่องราวออกไปได้ เหมือนว่าเปลือกตาของผมนั้นถูกประทับไว้ด้วยเรื่องราวความรักของฮยอนจุนและซังฮี เพลงประกอบหนังเรื่องนี้ก็บรรเลงอยู่ในหัวเหมือนแผ่นเสียงที่กำลังเปิดวนไปวนมาอยู่บนเครื่องเล่นเพลง (จริง ๆ แล้วโหลดจาก youtube เอา) ความซึ้ง เศร้า และประทับใจก็เกาะกินใจผู้ชมอย่างผม และคิดว่าอีกหลายท่าน ไปชั่วระยะหนึ่ง แม้ว่าหนังจะจบไปแล้ว

เว่อร์ขนาดนั้น 555

ผมให้คะแนน 8/10 ครับ สำหรับซีรี่ย์เกาหลีเรื่องแรกในรอบ 4 ปี ของผม

นิดนึงครับ ส่วนดีงามอย่างนึงของเรื่องนี้คือ Score ครับ หนังมีเพลงประกอบที่ทำออกมาได้เหมือนว่าผู้แต่งและผู้ร้องสามารถซึมซับอารมณ์ของหนังมาไว้ในตัวเขาได้ มีท่วงทำนองที่แฝงความยิ่งใหญ่ของเรื่องราว แต่ก็เศร้า ซึ้ง และเปล่าเปลี่ยว เหมือนคนสองคนที่รักกันด้วยสุดชีวิต แต่ต้องจำจากกัน

ตอนที่ผมดูหนังเรื่องนี้จบ ผมยังไม่รู้ว่า เพลงธีมหลักของเรื่องนี้ มี 2 เพลง เป็นผู้ชายและผู้หญิงร้อง จนเมื่อต้องมาตามฟังจาก Youtube อีกที อ้าว คนละเพลงกันนี่หว่า ตอนแรกนึกว่าเพลงเดียวร้องคนละเวอร์ชั่น

ลองฟังกันดูครับ

Love of Iris ผู้ชายร้อง Shin Seung Hoon



Do not forget ผู้หญิงร้อง Baek Ji Young




ได้ข่าวว่าเรื่องนี้ช่อง 7 ซื้อไว้แล้ว ไม่แน่ใจว่าจริงเท็จแค่ไหน

6 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ18 ธันวาคม 2553 เวลา 11:10

    อ่านแล้วอยากดูขึ้นมาทันใด
    ขอบคุณมากค่ะ

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ17 มกราคม 2554 เวลา 08:25

    กว่าหนังจะจบ ก็รู้สึกตัวว่าได้แอบหลงรัก ฮยอนจุน ไปแล้วค่ะ

    ตอบลบ
  3. ขนาดผมเป็นผู้ชายแท้ ๆ ผมยังชอบพระเอกเลยครับ ^_^

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ5 เมษายน 2554 เวลา 22:16

    หนังน่าดูมากเลย แต่ไม่เข้าใจทำไมพระเอกต้องมาตายตอนจบ

    ตอบลบ
  5. ถึงจะดูช้าไปหน่อย แต่ก็สนุกมากค่ะ

    ตอบลบ
  6. ไม่ระบุชื่อ5 มกราคม 2555 เวลา 16:30

    จบเศร้าจัง แต่เป็นสัจธรรมของโลก ต้องฆ่าผู้อื่นหลายชีวิต สุดท้ายเราก็ต้องตายในรูปแบบนั้นเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นกรรมดีหรือเลว

    ตอบลบ