ยินดีต้อนรับครับ

ยินดีต้อนรับครับ

ทักทาย

ผมลองจัดระเบียบบล็อกใหม่ดูนะ ครับ

โดยแบ่ง Group Blog ออกตามประเภทของหนังและนิยายนะครับ
เพราะคิดว่าหลายคนส่วนใหญ่ไม่ได้ชอบ ดูหนังทุกประเภท

เช่น บางคนชอบดูหนัง Romantic แต่ไม่ชอบดูหนังสยองขวัญเลย เพราะไม่ชอบ น่ากลัว

บางคนก็ชอบดูหนัง สยองขวัญเป็นชีวิตจิตใจ หนังชีวิตน่าเบื่อมาก ไม่ชอบดู

ผมเลยแบ่ง หมวดหมู่เป็นประเภทของหนัง (แต่ตอนนี้แต่ละหมวดยังน้อยอยู่) เผื่อว่าใครผ่านเข้ามาในบล็อกแล้วอยากจะอ่านรีวิวเก่า ๆ จะได้เลือกได้ตามประเภทของหนังตามที่ชอบได้

ที่แบ่งตั้งแต่ตอนนี้ แม้หนังที่เขียนยังไม่เยอะ เพราะคิดว่าต่อไปเกิดเยอะมาแบ่งที่หลังจะยิ่งเสียเวลาน่ะครับ

บางเรื่องก็แบ่งยากเหมือนกัน มันคาบเกี่ยวกัน แต่ผมจะพยายามยึดอารมณ์ของหนังเป็นหลักน่ะครับ

อ้อ แล้วก็ในบล็อกผมตั้งใจจะขึ้นคำเตือนในทุกบล็อกว่าตรงไหนคุยแบบไม่สปอยล์ ตรงไหนคุยแบบสปอยล์ เวลาใครมาอ่านจะได้อ่านแบบสบายใจได้ไม่ต้องกลัวถูกสปอยล์นะครับ

ถ้าใครแวะมาแล้วไม่รู้จะคอมเมนต์ อะไร ก็ฝากข้อความทิ้งไว้ที่ Shout Box ด้านข้างได้นะครับ


ขอบคุณ ทุกท่านที่แวะเวียนมาอ่านนะครับ ผมก็จะแวะเวียนไปหาท่านด้วยเช่นกัน ตามโอกาสและเวลา

วันเสาร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

The Proposal ลุ้นรักวิวาห์ฟ้าแลบ : romantic comedy ที่องค์ประกอบลงตัว ทำได้เมื่อไหร่ ก็สำเร็จเมื่อนั้น


รีวิวกึ่งวิจารณ์ ไม่สปอยล์เนื้อหาสำคัญครับ

ปีนี้ถ้าจะว่าไปก็ถือเป็นปีทองของ Sandra Bullock ได้ไม่ยาก เ้พราะหนัง 2 เรื่องที่เธอนำแสดงคือ The Proposal และ The Blind Side ทำรายได้รวมกันเฉพาะในอเมิรกา ก็กว่า 400 ล้านดอลล่าห์เข้าไปแล้ว หนำซ้ำได้ทั้งรายได้ เสียงชื่นชม แล้วตัวเ้ธอยังได้ออสการ์ตัวแรกในชีวิตมานอนกอดที่บ้านอีกต่างหาก ทั้ง ๆ ที่ดูแล้ว ผลงานที่ผ่านมาของเธอเป็นหนังตลาดซะส่วนใหญ่ และก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จด้านรายได้ซะส่วนใหญ่ มีเพียง Speed งานแจ้งเกิด กับ While you were Sleeping , Miss Congeniality และ Two week notice ที่ทำรายได้ได้ดีเท่านั้น (ไม่นับ A Time to kill และ Prince of Egypt ที่ไม่ได้อาศัยเธอเป็นตัวแสดงหลัก)

แ่ต่พอมาปีนี้ปีเดียวรายได้ของหนังที่เธอแสดง 2 นี้ ก็มากกว่าหนังที่เธอแสดงตั้งแต่ปี 02-07 รวมกัน 8 เรื่องซะอีก

แต่ช้าก่อน ปีนี้เกือบจะเป็นปีทองอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ถ้าดันไม่มีหนังอีกเรื่องของเธอเข้าฉายอีกเรื่อง คือ All About Steve ซึ่งทำให้เธอได้รับรางวัล Golden Raspberry Awards หรือที่บ้านเราเรียกกันเล่น ๆ ว่า รางวัลราสเบอรี่เน่า เป็นรางวัลที่จัดขึ้นและแจกรางวัลตัดหน้าออสการ์ 1 วันที่บ้านเขาน่ะครับ แต่รางวัลนี้มอบให้กับที่สุดของความแย่แห่งปีแทน

ซึ่งเธอได้รับรางวัล "ดาราแสดงนำหญิงยอดแย่ยอดเยี่ยม" และ "นักแสดงคู่ขวัญยอดแย่ยอดเยี่ยม" ไปครองอย่างสมภาคภูมิ ครับ ขีดเส้นใต้ตรงคำว่ายอดแย่นะครับ

เธอเลยทำสถิติเป็นดาราคนแรกที่ได้รางวัลออสการ์และราสเบอรรี่ภายในปีเดียวกัน และน่ารักด้วยนะครับ เพราะอุตส่าห์มารับรางวัลด้วย ซึ่งส่วนใหญ่ที่ผ่านมาไม่ค่อยจะมีใครมา เพราะไม่ใช่เรื่องน่าชื่นชมเท่าไหร่ ที่เห็นดัง ๆ หน่อย ก็เคยมี Hally Berry เนี่ยแหละครับ มารับรางวัล ดารานำหญิงยอดแย่ยอดเยี่ยม จากเรื่อง Cat Women ด้วยตัวเอง โดยก่อนหน้านั้น ก็เป็นคนหนึ่งที่คว้าออสการ์สาขาดารานำหญิงมาจากเวทีออสการ์จากผลงานเรื่อง Monster Ball ด้วยเหมือนกัน เพียงแต่ว่าคนละปีกัน


ผมลองเทียบกันดูเล่น ๆ ระหว่าง Sandra Bullock กับ Kate Winslate แล้วก็ถือว่าปีนี้เป็นปีที่เธอโชคดีจริง ๆ เพราะเข้าชิงครั้งแรกกับออสการ์ก็ได้รางวัลใหญ่มาครองเลย ทั้ง ๆ ที่ Kate มีผลงานเข้าชิงมาแล้ว 5 ครั้ง ก็เพิ่งจะมาได้เอาครั้งที่ 6 นี่แหละ

แต่ Sandra ก็เคยผิดหวังมาก่อนเหมือนกันนะครับ เพราะก่อนหน้านี้ผลงานที่เธอแสดงในเรื่อง Demolition Man , Speed 2 ก็เคยอกหัก ผิดหวังจากการเข้าชิงรางวัลราสเบอรี่เน่ามาแล้วถึง 2 ครั้ง ก็เพิ่งจะมาสมหวังปีนี้กับ All About Steve Job เนี่ยแหละ

เอ๊ะ หรือจะเป็นปีทองที่แท้จริงของเธอ

กลับมาที่หัวข้อหนังวันนี้ The Proposal ขายตัวเองด้วยพล็อตเรื่องที่ธรรมดา ไม่หวือหวาอะไร ออกจะน้ำเน่าด้วยซ้ำ แต่นำเสนอได้เข้่าถึงความต้องการของผู้ชมที่เป็นคอหนังแนวนี้ ที่พร้อมอ้าแขนรับหนังรักกุ๊กกิ๊ก ประเภทตัวละครกัดกัน ไม่ถูกกัน แล้วก็มีสถานการณ์ที่ทำให้ตกกระไดพลอยโจน ต้องแสร้งทำเป็นคู่รักกันเพื่อผลประัโยชน์บางอย่างร่วมกัน แล้วสุดท้ายก็ลงเอยกันด้วย ถ้าทำออกมาได้สนุก

แล้วผู้กำกับ Anne Fitcher ก็ทำได้ จากบทภาพยนตร์ที่เป็นผลงานแรกของผู้เขียนบท Pete Chirelli


เพราะนอกจากหนังจะขายความสนุกสนาน บันเทิงใจจากพล็อตเรื่องที่เข้าถึงผู้ชมกลุ่มใหญ่แล้ว การแสดงของดารานำทั้งสองก็รับส่งกันได้้เป็นอย่างดี ทั้งนางเอกของเรากับพระเอก Ryan Reynolds ที่ครั้งสุดท้ายที่ผมจำได้จากหนังเรื่อง the Amityville Horror มันไม่ใช่แบบนี้ ส่วน X-Men Original นั้นไม่ได้อยู่ในความทรงจำเลย (ทั้งตัวหนังและนักแสดง)


หนังเล่าเรื่องราวของบ.ก.สาวสุดเฮี้ยบ ที่เป็นฝันร้ายของลูกน้องทุกคน Magaret (Sandra Bullock) ที่อาจถูกเนรเทศกลับไปอยู่แคนาดาอย่างกะทันหัน เพราะใบอนุญาตทำงานในอเมริกาของเธอถูกปฏิเสธ เธอจึงต้องหาทางแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าขึ้นมา


เมื่อปัญหามา ปัญญาก็เกิด แต่ต้องมีคนหนึ่งยอมเป็นเครื่องสังเวยให้กับเธอ ซึ่งงานนี้ความซวยตกอยู่กับแอนดรูว์ (Ryan Reynolds) ผู้ช่วยหนุ่มหล่อของเธอ โดยเขาต้องยอมแต่งงานหลอก ๆ กับเธอ เพื่อให้เธอได้สิทธิในการเป็นพลเมืองสหรัฐ แต่ปัญหายังมีอยู่ เมื่อต.ม.(ตรวจคนเข้าเมือง) ผู้มีประัสบการณ์และแววตาดุจเหยี่ยวมองออกว่าเรื่องนี้มีการซัวเอี๋ยกัน และประกาศไว้เลยว่าจะคอยจับตามองทุกฝีก้าว อย่าให้จับได้ก็แล้วกัน ว่างั้น


ข้างฝ่ายพระเอก เมื่อต้องตกกระไดพลอยโจน ก็ถือคติ พลิกวิกฤติเป็นโอกาส ยื่นข้่อเสนอแลกเปลี่ยนการร่วมมือกันครั้งนี้ (เป็นที่มาของชื่อหนัง) จึงเป็นที่มาของแผนโรดแม็บปรองดองแห่งชาติ ระหว่างนางเอกและพระเอก แต่พวกเขาจะผ่านไปได้หรือไม่ พื้นที่สำคัญสุดท้ายคือ อลาสก้าบ้านเกิดของแอนดรูว์ เพราะเขาจำเป็นต้องเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านที่อลาสก้าเป็นการเร่งด่วน และต้องปกปิดแผนนี้และทำให้แนบเนียน เพื่อไม่ให้ที่บ้านจับได้ และแน่นอน ต.ม.ด้วย

นี่คือที่มาของเรื่องวุ่น ๆ ในหนัง ที่นำเสียงหัวเราะและรอยยิ้มมาให้ผู้ชม


ที่ผ่านมาผลงานของ Sandra Bullock ต้องถือว่าลุ่ม ๆ ดอน คือประสบความสำเร็จบ้าง โอเค ปานกลางบ้าง และผิดหวังบ้าง โดยจริง ๆ แล้วงานแจ้งเกิดเธอเป็นหนังแอคชั่นด้วยซ้ำ (Speed) แต่มาในช่วงหลัง ๆ แล้วเธอเริ่มจะหันมาเอาดีกับการแสดงหนัง Romantic Comedy ซึ่งช่วงหนึ่งนั้นเจ้าแม่หนังโรแมนติคคอมมิดี้อย่าง Meg Ryan และ Julia Roberts เคยครองตลาดอยู่ แต่พอ Meg อายุเริ่มมากขึ้นแล้ว ผลงานการแสดงที่ประสบความสำเร็จก็หดหายไป ก็มี Sandra นี่แหละที่ผันตัวเองขึ้นมาในกลุ่มที่ท้าชิงพื้นที่บนตาราง Box office ร่วมกับนักแสดงกลุ่มเดียวกัน เช่น Drew Barrymore , Jennifer Aniston , Jennifer Lopez , Reese Whiterspoon หรือแม้แต่รุ่นใหม่ ๆ อย่าง Kate Hudson (น่าเสียดายเป็นการส่วนตัว ที่ Winona Ryder หลุดออกจากกลุ่มนี้ไป)

ส่วนหลังจากการได้รับออสการ์เป็นรางวัลการันตีแล้วนั้น อนาคตหลังจากนี้จะรุ่ง ทำให้มีบทภาพยนตร์ขายฝีมือมาถึงมือมากขึ้นอย่าง Jennifer Connelly หรือ Julia Roberts หรือจะเงียบหายไปอย่าง Gwyneth Paltrow หลังจาก Shakespeare in Love จนล่าสุด Iron man ก็ร่วม 10 ปี

สำหรับเรื่องนี้ Sandra ให้การแสดงที่เต็มที่กับหนัง ในบทของเจ้านายที่หน้าฉากเป็นคนที่เฮี้ยบ ระเบียบจัด ไม่ไว้หน้าใคร แต่ลึก ๆ แล้วมีปมชีวิตบางอย่าง แล้วก็รอเวลาที่จะปลดปล่อยออกมา

ซึ่งหนังก็เตรียมฉากเหล่านั้นไว้เอาใจผู้ชมอย่างเรา ๆ อย่างฉากรอบกองไฟ ที่ขายความบ้าบอของตัวละคร ทำให้ผมอดนึกถึงฉากเต้นในทำเนียบนายกของ Hugh Grant ไม่ได้ และฉากเปิดเผยความในใจบนเตียงนอน

หนังมีฉากน่ารักตามสูตรของหนังแนวนี้มาให้เราได้ยิ้มและหัวเราะได้เรื่อย ๆ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นฉากเปิ่น ๆ ของนางเอก เพราะคงไม่มีอะไรสนุกเท่ากับการที่เราได้เห็นคนที่เคยบงการคนอื่นด้วยอำนาจบาตรใหญ่มาตลอด ต้องมาอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคยและต้องไหลตามน้ำอย่างนี้



Ryan Reynolds เองก็ถือว่าแจ้งเกิดจากเรื่องนี้ได้ไม่ยาก คาดว่าหลังจากนี้จะได้มีหนังแนวนี้ออกมาให้ชมกันอีก เพราะในเรื่องขายทั้งหน้าตา รูปร่าง และบุคลิก การแสดงหน้าตาย ที่ทำหน้าบ๊องแบ๊ว ใส ๆ และเจ้าเล่ห์ในเวลาเดียวกัน ก็ทำให้หนังเรื่องนี้มีรสชาติที่กลมกล่อม


นอกจากนี้หนังยังใส่ประเด็นเรื่องเป้าหมายชีวิตและการวิ่งตามความฝันของคนหนุ่มสาวเข้าไปด้วย พระเอกของเราเป็นคนที่มีแบ็คกราวน์ชีวิตอย่างหนึ่ง แต่เลือกที่จะทำตามความฝันของตัวเอง และประเด็นความรักภายในครอบครัวเข้ามาด้วยได้กลมกลืนและไม่รู้สึกเป็นการยัดเยียดจนเกินไป


แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดของหนังแนวนี้ที่ผู้ชมอยากเห็นมากที่สุด ก็คือการแสดงรับส่งกันของนักแสดงนำทั้งสอง ซึ่งถือได้ว่าหนังประสบความสำเร็จได้เพราะทั้งคู่ให้การแสดงที่เข้าขากันได้อย่างดี ในฐานะของเจ้านายจอมเฮี้ยบที่เข้าตาจนกับลูกน้องที่ถูกโขกสับมาตลอด ที่ถือโอกาสเอาคืน

ดังนั้นแม้ The Proposal จะเป็นหนังที่มีพล็อตเรื่องที่ไม่แปลกใหม่ เหมือนหนังเก่าที่นำมาเล่าใหม่ โครงสร้างของเรื่องไม่ได้สลับซับซ้อนหรือลึกซึ้งอะไร แต่เมื่้อองค์ประกอบลงตัว คือ การสร้างสถานการณ์เฉพาะหน้า , พระเอก , นางเอก และการแสดงที่เข้าขากัน ต่อให้เอามาเล่าซ้ำอีกกี่ครั้ง ก็ยังมีคนดูอยู่ดี

ให้คะแนน 7.5/10 ครับ

1 ความคิดเห็น: