ยินดีต้อนรับครับ

ยินดีต้อนรับครับ

ทักทาย

ผมลองจัดระเบียบบล็อกใหม่ดูนะ ครับ

โดยแบ่ง Group Blog ออกตามประเภทของหนังและนิยายนะครับ
เพราะคิดว่าหลายคนส่วนใหญ่ไม่ได้ชอบ ดูหนังทุกประเภท

เช่น บางคนชอบดูหนัง Romantic แต่ไม่ชอบดูหนังสยองขวัญเลย เพราะไม่ชอบ น่ากลัว

บางคนก็ชอบดูหนัง สยองขวัญเป็นชีวิตจิตใจ หนังชีวิตน่าเบื่อมาก ไม่ชอบดู

ผมเลยแบ่ง หมวดหมู่เป็นประเภทของหนัง (แต่ตอนนี้แต่ละหมวดยังน้อยอยู่) เผื่อว่าใครผ่านเข้ามาในบล็อกแล้วอยากจะอ่านรีวิวเก่า ๆ จะได้เลือกได้ตามประเภทของหนังตามที่ชอบได้

ที่แบ่งตั้งแต่ตอนนี้ แม้หนังที่เขียนยังไม่เยอะ เพราะคิดว่าต่อไปเกิดเยอะมาแบ่งที่หลังจะยิ่งเสียเวลาน่ะครับ

บางเรื่องก็แบ่งยากเหมือนกัน มันคาบเกี่ยวกัน แต่ผมจะพยายามยึดอารมณ์ของหนังเป็นหลักน่ะครับ

อ้อ แล้วก็ในบล็อกผมตั้งใจจะขึ้นคำเตือนในทุกบล็อกว่าตรงไหนคุยแบบไม่สปอยล์ ตรงไหนคุยแบบสปอยล์ เวลาใครมาอ่านจะได้อ่านแบบสบายใจได้ไม่ต้องกลัวถูกสปอยล์นะครับ

ถ้าใครแวะมาแล้วไม่รู้จะคอมเมนต์ อะไร ก็ฝากข้อความทิ้งไว้ที่ Shout Box ด้านข้างได้นะครับ


ขอบคุณ ทุกท่านที่แวะเวียนมาอ่านนะครับ ผมก็จะแวะเวียนไปหาท่านด้วยเช่นกัน ตามโอกาสและเวลา

วันพุธที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2554

The Soundtracks of My Love เพลงรักประกอบชีวิต โดย นิ้วกลม


(หน้าปกวาดออกมาได้น่ารักมากครับ ด้วยฝีมือของหนึ่งในตัวละครในเล่มครับ)


The Soundtracks of My Love เพลงรักประกอบชีวิต โดย นิ้วกลม

“ทำไมเราถึงรักคนที่เขาไม่รักเราอยู่เรื่อย” น่าจะเป็นหนึ่งในคำถามที่ตอบยากที่สุดในโลกนี้
และเพราะเหตุนั้น ทุก ๆ วันบนโลกใบนี้ จึงมีหมาหน้าใหม่ ถือกำเนิดขึ้นมาเรื่อย ๆ เป็นประจำ

The Soundtracks of My Love เล่าเรื่องราวชีวิตรักของผู้เขียน ที่มีทั้งสุข เศร้า ผิดหวังและสมหวัง คำนำในเล่มเขียนโดยคุณศุ บุญเลี้ยง (หรือจะเรียกว่า “คำจำใจนิยม” ก็ว่าได้ ต้องลองอ่านดูเอาเองครับ) ซึ่งมีประโยคหนึ่งที่คุณศุ บุญเลี้ยง เขียนบอกไว้ว่า “คนอะไร เอาเรื่องสาว ๆ ที่ตัวเองชอบมาเขียนขาย หน้าไม่อาย...”

นั่นแหละครับคือเนื้อหาหลักของหนังสือเล่มนี้

เวลาเราไปงานแต่งงานของเพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง ส่วนใหญ่แล้วช่วงเวลาที่คนสนใจฟังมากที่สุดคงไม่ใช่ตอนที่แขกผู้ใหญ่ขึ้นมากล่าวอวยพร แต่เป็นตอนที่พิธีกรบนเวทีสัมภาษณ์คู่บ่าว สาว ว่าเป็นมายังไงถึงรักและลงเอยกันได้

ใช่ไหมครับ? ยอมรับกันเถอะครับว่าเราอยากรู้เรื่องของชาวบ้าน

ก็เรื่องราวของความรักเป็นสิ่งสวยงาม ใคร ๆ ก็อยากฟัง เราอยากฟังเรื่องความรักของคนอื่น เพื่อจะได้รู้ว่าคน ๆ หนึ่งหรือในที่นี้หมายถึงสองคน รักกันได้ยังไง กว่าจะถึงจุดนี้ผ่านอะไรกันมาบ้าง

เราอยากรู้ เราอยากฟัง และถ้าเราได้เจอกับตัวเอง เราก็อยากเล่า

คนฟังก็อยากฟัง คนเล่าก็เอ่อล้นด้วยความสุขอยากพูดออกมา เป็นเรื่องปกติที่ทั้งสองฝ่ายจะฟังไปเล่าไปด้วยรอยยิ้ม เวลาสมหวังอะไรก็ดีไปหมดแหละครับ

แต่น้อยคนนักที่จะมีเรื่องมาเล่าให้คนอื่นฟังได้จนออกมาเป็นหนังสือเล่มหนาระดับพ็อกเก็ตบุ๊คได้ซักหนึ่งเล่ม

คุณนิ้วกลม มีเรื่องมาเล่าครับ

งานเขียนของคุณนิ้วกลมมีจุดเด่นที่การถ่ายทอดมุมมองและการเล่นคำ ที่ชวนให้สะกิด ติด และโดนใจ

ผมได้พลิกดูหนังสือเล่มนี้คร่าว ๆ ไปจนถึงประโยคแรกของบทแรกของหนังสือ (กระบวนการพลิกดูแบบคร่าว ๆ เกิดขึ้นดังนี้ ปกหน้า – ปกหลัง - คำนิยมบนปกหลัง - คำนำ - คำนำผู้เขียน)

“ในโลกแห่งความรัก ผมเป็นหมาเสมอ”

เพียงแค่ประโยคแรกผมก็เสร็จหนังสือเล่มนี้แล้วล่ะครับ

ต้องขอยืมคำพูดของ Dorothy Boyd จากเรื่อง Jerry Maguire มาอธิบายหน่อยนะครับ “You had me at hallo”

จุดเด่นของหนังสือเล่มนี้ นอกจากจะเป็นหนังสือที่เล่าเรื่องราวความรักผ่านมุมมองของหมาตัวหนึ่งที่มีประสบการณ์ฝึกฝนการวิ่งไล่เครื่องบินอยู่หลายปีแล้ว ผู้เขียนยังใช้บทเพลงประกอบเรื่องราวความรักของเขาด้วย (สมตามชื่อหนังสือ)

ในเล่มทุก ๆ บทเราจะได้เห็นเนื้อเพลงที่ผู้เขียนเลือกมาประกอบเรื่องราวความรักในช่วงชีวิตของเขาที่แตกต่างกัน

ผมคิดว่านอกจากสถานที่ ถนน ร้านอาหาร แล้วนั้น บทเพลงนี่แหละครับคือสิ่งที่เชื่อมโยงเรากับอดีต เพลงหลายเพลงมีความหมายมากมาย ในบางช่วงเวลาของชีวิตจริง ๆ เหมือนมันจะมีความสามารถบรรจุความทรงจำ อารมณ์ ความรู้สึกในเวลานั้น ๆ ไว้ได้ และเมื่อใด ที่หูของเราได้ยินได้ฟังเพลงนั้นอีกครั้ง เหมือนว่าวันเวลานั้นจะสามารถย้อนกลับมาได้ พาเราไปสู่อดีต พาเราไปสู่ช่วงเวลาหนึ่งในความทรงจำของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเวลาอินเลิฟ

“...เธอคือความฝัน ในใจฉัน เพียงความฝันที่แสนไกล ดั่งคว้าดาวบนฟ้าไกล ไม่มั่นใจ จะคว้า..."

ถ้าไม่ติดเรื่องลิขสิทธิ์แล้วล่ะก็ หากหนังสือเล่มนี้แถมบทเพลงต่าง ๆ ที่คัดเลือกมา บันทึกลงซีดีแนบมาให้ผู้อ่านทุกคน ฟังประกอบเวลาอ่านหนังสือ คงได้บรรยากาศครบถ้วนแบบสุด ๆ
ดังนั้นแนะนำนะครับ ว่าให้ลองหามาฟังดูให้มากที่สุด เวลาอ่านบทนั้น ๆ

แล้วคุณจะได้ซึมซับถึงบรรยากาศ “เพลงรักประกอบชีวิต” หรือเผลอ ๆ คุณอาจจะรู้สึกเลยก็ได้ ว่านี่มันก็ชีวิตเราเหมือนกันนี่หว่า

ความรักทั้งสวยงามและไพเราะเสมอครับ

ไม่ว่าคุณจะเป็นหมาหรือเครื่องบิน ผมแนะนำให้ลองหามาอ่านดูนะครับ หนังสืออ่านเล่นเล่มนี้มีดีพอจะให้คุณอ่านรวดเดียวจบพร้อมรอยยิ้ม และอิ่มเอมในตอนท้ายได้ไม่ยาก

ส่วนตัวผมนั้น ขี้เกียจให้คะแนนหนังสือเล่มนี้ครับ เพราะคงไม่สามารถให้คะแนนด้วยความเป็นธรรมได้

เพราะถ้าคุณนิ้วกลมเขียนคำนำผู้เขียนไว้ท่อนหนึ่งว่า “.....เมื่อเขียนเสร็จ ผมรักมัน” แล้วล่ะก็

สำหรับผมแล้ว เมื่อผมอ่านจบ ผมก็บอกได้เหมือนกันว่า ผมรักหนังสือเล่มนี้ และคงรู้สึกเหมือนใครหลาย ๆ คนที่อ่านจบว่า ผมอิจฉาผู้เขียน ที่เขาได้รัก ได้อกหัก ได้ผิดหวัง และได้พบได้เจอ คนที่เข้ากับเขาได้ดีและรักกัน ซึ่งไม่ง่ายนักจริง ๆ ที่เราจะเจอคนที่เรารักและเข้ากันได้ดีในทุก ๆ อย่างอย่างนี้

แต่ถึงจะอิจฉา แต่ก็ไม่ได้ริษยา เป็นความอิจฉาแบบยิ้มแย้มและอมยิ้มสำหรับผม

แม้ว่าเรื่องนี้สุดท้ายในชีวิตจริงจะจบยังไง เราคงไม่รู้ แต่คงไม่สำคัญมากมั้งครับที่จะสนใจ

“ไม่มีคนรักเราไม่สำคัญ ขอให้เรารักใครสักคนก็พอ” หนังเรื่องข้างหลังภาพพูดเอาไว้ครับ

และผมเข้าใจความรู้สึกนะครับ ทุก ๆ เรื่อง ทุก ๆ ตอน ทุก ๆ เพลง ที่คุณนิ้วกลมเล่ามา
ก็แหม... หมาย่อมต้องเข้าใจหมาด้วยกันซิครับ