ส่งผลให้เกิดหนังชีวิตเรื่องใหม่ "การไฟฟ้าไม่มานะเธอ"
เป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ขอให้เป็นแค่หนึ่ง ครั้งในชีวิตก็พอแล้ว...อย่ามีอีกเลย
พอดีบ้านผมอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงการชุมนุม เลยได้รับผลกระทบบ้าง แม้จะัไม่มากเท่าพี่น้องชาวบ่อนไก่
แต่จากการที่หลังบ้านหันหลังให้การไฟฟ้าคลองเตย ทำให้รู้สึกว่าเหตุการณ์มันไม่ได้อยู่ห่างตัวเองเลย
วันที่เกิดเหตุจลาจล ที่ทำงานผมอยู่แถวเย็นอากาศ ก็เรียกว่าใกล้เคียงกับสถานที่ที่เกิดความวุ่นวายอย่างบ่อนไก่พอสมควร เพราะอีกนิดเดียวก็จะทะลุซอยงามดูพลีอยู่แล้ว วันนั้นพี่ที่บริษัทมาบอกว่า การไฟฟ้าถูกเผา ผมต้องโทรเช็คกับเพื่อนที่บ้านหลายคนให้แน่ใจว่าสถา่นการณ์เป็นยังไง
ปรากฏว่าตึกการไฟฟ้าข้างบ้านตรงริมถนน ถูกเผา ไฟกำลังไหม้อยู่
ซึ่งเพื่อนผู้หญิงที่อยู่แถวบ้านใกล้เรือนเคียงก็แบบ ไม่ไหวแล้ว ต้องปีนข้ามกำแพงหลบออกไปทางด้านหลัง ทางพระราม 3 บางคนก็กลับบ้านตจว.หรือไปนอนบ้านเพื่อน บางคนก็ไปไหนก่อนก็ได้ กลัวไม่ปลอดภัย
ผมเดินกลับบ้านมาถึงราว 5 โมงเย็นได้มาเห็นกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 20 คน จอดมอเตอร์ไซค์อยู่หน้า ธ.กสิกรไทยคลองเตย แล้วลงมารุมทุบตู้เอทีเอ็มราว 7-8 คน ทีเหลือก็จอดรถดู บางคนก็เข้าไปในธนาคาร ดูวุ่นวาย แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปห้าม
เห็นว่ามีคนเข้าไปถ่ายรูปก่อนหน้านั้น แล้วโดนไล่กระทืบมา...แล้วใครจะกล้า
ตอนแรกมีคนตั้งท่าจะเผา แต่มีคนนึงไปขอร้องว่า่อย่าทำเลย
บ้านชาวบ้านจะลำบากด้วย เลยได้รับความเมตตา โดนทุบอย่างเดียว
คืนนั้นต้องตัดสินใจว่าจะนอนค้างที่บ้านหรือไปหาที่นอนเอาดาบหน้าดี เพราะไฟฟ้าก็ดับ ดีที่น้ำประปายังไหลอยู่ สุดท้ายเพื่อนผู้ชายอีก 5-6 คนตกลงว่าจะนอนเฝ้าบ้านกัน ส่วนผม เพื่อความชัวร์เก็บเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรคลงกระเป๋าไว้ก่อน เผื่อฉุกเฉินจะได้หนีทันบ้านชาวบ้านจะลำบากด้วย เลยได้รับความเมตตา โดนทุบอย่างเดียว
เพื่อนคนอื่น ๆ ก็เตรียมพร้อม คอมพิวเตอร์ กีตาร์ ของส่วนตัว เสื้อผ้า ขนมากองชั้นล่างรอขน
คืนนั้น รู้สึกคนอื่น ๆ จะไม่มีใครนอนกัน เอาเสื่้อมาปูหน้าบ้าน จุดยากันยุง จุดเทียน นอนเฝ้าซอย และยังมีคนในซอยจำนวนหนึ่งแวะเวียนมาคุยกัน เขาก็นอนไม่หลับเหมือนกัน ทั้งร้อนตัว ร้อนใจ เลยเหมือนกับช่วยเ้ฝ้าซอยกัน
ได้เห็นน้ำใจจากคนในซอย เจ๊ตู่เจ้าของร้านอาหารหน้าปากซอยอุตส่าห์ทำกับข้าวเลี้ยง บ้านตรงข้ามก็เอาข้าว กับข้าว น้ำ เทียนไข ไฟแช็กมาให้ กลัวว่าพวกผมจะไม่มีอะไรกินกัน เพราะตอนนั้นจะไปหาอะไรกินกันก็ไม่ได้แล้ว เหมือนอยู่ในแดนมิคสัญญี
นี่คือน้ำใจครับ แม้ในความมืดมิด ก็ยังมีแสงสว่างอยู่บ้าง
ส่วนผมตัดสินใจนอนดีกว่า เพราะต้องไปทำงานพรุ่งนี้เช้า บริษัทไม่ประกาศให้หยุด
แต่นอนก็แทบไม่หลับทั้งคืน นอนในห้องก็ร้อน พลิกไปพลิกมา ออกมานอนข้างนอก ยุงก็กัด
ราวตีสองได้ยินเสียงโวกเวกโวยวาย วิ่งลงมาดู อ้าวหายไปไหนกันหมด ซักพัก เพื่อนผู้ชายกับคนแถวบ้านเดินกลับมากัน 8-9 คน บอกว่ามีคนตะโกนว่า "นครหลวงไฟไหม้" เลยวิ่งไปจะไปช่วยดับไฟ นึกว่าธ.นครหลวงไทยตรงคลองเตย ที่ไหนได้ คนตะโกนเป็นลุงแก่ ๆ แกหมายถึง การไฟฟ้านครหลวงไฟไหม้
โธ่ ลุง มันไหม้ตั้งแต่บ่ายสามแล้ว เพิ่งรู้สึกตัวเหรอ
คงเพราะมันประทุและไฟโหมขึ้นมาอีก คืนนั้นไฟไหม้ทั้งคืน ไม่มีใครกล้ามาดับ ภายหลังถามคนที่การไฟฟ้า เขาบอกมีคนเข้ามาเผา ออกมาห้าม โดนชักปืนขู่ว่า "อย่ามาเสือก" เป็นใครก็ต้องถอย ไม่คุ้มกับชีวิต
สุดท้ายคืนนั้นก็ผ่านไปได้ ได้ยินเสียงแตกพล้งเพล้งทั้งคืน
เช้ามาผมก็ไม่ได้ไปทำงานจนได้ โทรไปลา เจ้านายก็เข้าใจและไม่นับเป็นวันลา
ตอนบ่าย ๆ ออกมาตรวจดูสถานการณ์หลังจากเริ่มสงบ เวทีผู้ชุมนุมตรงสามแยกคลองเตยก็ไม่มีแล้ว
โดยสรุป ตู้เอทีเอ็มเกือบทุกตู้ถูกทุบ บางตู้ก็ถูกกระชากหลุดออกมาทั้งยวง บางตู้มีก้อนหินก้อนเบ้อเริ่มเข้าไปยัดอยู่ข้างไหน อะไรที่เป็นกระจกแถวนั้นถูกทุบแตกเกือบหมด เซเว่นไม่ต้องพูดถึงพังเกลี้ยง ของหายหมด
ผลกระทบจาก After Shock
คือ เน็ตใช้ไม่ได้ราว 4-5 วัน ไม่มีเซเว่นให้ซื้อของ สนามแบดและบาสปิด ไม่มีให้เล่น สวนลุม ไม่รู้จะได้ไปวิ่งเมื่อไหร่ ร้านเช่าการ์ตูนเจ้าประจำที่บ่อนไก่เป็นไงบ้าง
ไม่น่าเชื่อว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดในสยามเมืองยิ้ม หวังว่าเหตุการณ์จะคลี่คลายและดีขึ้นตามลำดับ อย่างผมไม่เจอกับตัวเต็ม ๆ แต่หลายคนอาจโดนเต็มที่ ธุรกิจเสียหาย ขาดทุน ถึงขั้นเจ๊งก็มีหลายราย
เห็นเซเว่น ผมก็คิดว่าถ้าเขาไม่มีประกัน ก็ไม่ใช่น้อย ๆ นะครับ บางคนอาจคิดว่าเซเว่นเป็นของ CP นั่นเป็นแค่แบรนด์และ contract แต่เจ้าของร้านก็คือคนทั่ว ๆ ไป ที่ไปซื้อแฟรนไชส์มา โดนไปขนาดนี้ เขาเสียหายเป็นล้าน ๆ บาท ทุกวันนี้ผมเห็นตรงสาขาฝั่งตรงข้ามพระหฤทัยยังไม่ขยับซ่อมแซมเลย แต่ธนาคารยังดีหน่อย เพราะเป็นบริษัทมหาชนขนาดใหญ่ยังมีทุนหมุนเวียน และเงินในเอทีเอ็มส่วนใหญ่พังได้แต่เอาไปไม่ได้ เพราะเซฟแน่นหนา
แต่ชีวิตก็ต้องก้าวหน้าต่อไป เชื่อว่าคนดีในสังคมยังมีอีกมากมาย ดูภาพได้จากกระทู้แนะนำของเฉลิมไทย
http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A9287047/A9287047.html
หวังว่าคนไทยจะรักกันมาก ๆ นะครับ เราจะได้กอดคอฝ่าวิกฤตกันได้
ส่วนเราชาว Blogger ก็กลับมาอัพบล็อกกันต่อไป
แม้จะผ่านประสบการณ์ที่ "การไฟฟ้าไม่มานะเธอ" แต่ของพังแล้วก็ซ่อมได้ แต่จิตใจคนเราถ้าปล่อยให้พัง จะซ่อมก็ยาก จะเยียวยาก็ยาวนาน อยากให้คนไทยรักษาใจให้ดีเสมอ อย่าให้จิตใจของเราขุ่นมัวจากเรื่องต่าง ๆ ที่เข้ามากระทบนะครับ
แล้วเราจะมีความสุข และไม่ทำให้ผู้อื่นทุกข์ใจด้วย
บทความนี้ขอละเว้นการพูดถึงประเด็นทางการเมือง ขอเีพียงแค่แชร์ประสบการณ์ชีวิตเท่านั้น
* รูปถ่ายประกอบ ไม่ใช่ฝีมือผม มาจากกล้้องเพื่อนครับ *
เห็นแล้วอยากร้องไห้... แม้จะเตรียมใจว่ามันจะเกิดแล้วนะ เศร้าจริง
ตอบลบ