ยินดีต้อนรับครับ

ยินดีต้อนรับครับ

ทักทาย

ผมลองจัดระเบียบบล็อกใหม่ดูนะ ครับ

โดยแบ่ง Group Blog ออกตามประเภทของหนังและนิยายนะครับ
เพราะคิดว่าหลายคนส่วนใหญ่ไม่ได้ชอบ ดูหนังทุกประเภท

เช่น บางคนชอบดูหนัง Romantic แต่ไม่ชอบดูหนังสยองขวัญเลย เพราะไม่ชอบ น่ากลัว

บางคนก็ชอบดูหนัง สยองขวัญเป็นชีวิตจิตใจ หนังชีวิตน่าเบื่อมาก ไม่ชอบดู

ผมเลยแบ่ง หมวดหมู่เป็นประเภทของหนัง (แต่ตอนนี้แต่ละหมวดยังน้อยอยู่) เผื่อว่าใครผ่านเข้ามาในบล็อกแล้วอยากจะอ่านรีวิวเก่า ๆ จะได้เลือกได้ตามประเภทของหนังตามที่ชอบได้

ที่แบ่งตั้งแต่ตอนนี้ แม้หนังที่เขียนยังไม่เยอะ เพราะคิดว่าต่อไปเกิดเยอะมาแบ่งที่หลังจะยิ่งเสียเวลาน่ะครับ

บางเรื่องก็แบ่งยากเหมือนกัน มันคาบเกี่ยวกัน แต่ผมจะพยายามยึดอารมณ์ของหนังเป็นหลักน่ะครับ

อ้อ แล้วก็ในบล็อกผมตั้งใจจะขึ้นคำเตือนในทุกบล็อกว่าตรงไหนคุยแบบไม่สปอยล์ ตรงไหนคุยแบบสปอยล์ เวลาใครมาอ่านจะได้อ่านแบบสบายใจได้ไม่ต้องกลัวถูกสปอยล์นะครับ

ถ้าใครแวะมาแล้วไม่รู้จะคอมเมนต์ อะไร ก็ฝากข้อความทิ้งไว้ที่ Shout Box ด้านข้างได้นะครับ


ขอบคุณ ทุกท่านที่แวะเวียนมาอ่านนะครับ ผมก็จะแวะเวียนไปหาท่านด้วยเช่นกัน ตามโอกาสและเวลา

วันเสาร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

Taken สู้ไม่รู้จักตาย : เทียบชั้น Die Hard , Lethal Weapon และ Bourne ในเวอร์ชั่นสู้เพื่อลูก


รีวิวกึ่งวิจารณ์ ไม่สปอยล์เนื้อหาสำคัญครับ


Taken (ซึ่งไม่ใช่ Taken เดียวกับของสปีลเบิร์กและ Tekken เกมส์ตู้แต่อย่างใด) ผลงานการร่วมมือกันระหว่างผู้กำกับ Pierre Morel และผู้เขียนบท Luc Besson และ Robert Mark Kamen ทำให้เกิดผลงานภาพยนตร์แนวแอคชั่น ระห่ำเดือด และให้ระดับความมันส์แบบนันสต๊อป หรือที่ภาษาวัยรุ่นเรียกว่า สุดตรีน (ขออภัยที่ใช้คำไม่สุภาพ เพื่อให้เห็นภาพพจน์ยิ่งขึ้น)

ถ้าเป็นคอหนังรุ่นเก่าหน่อย ถามว่าหนังแนวนี้ที่คนยกให้ขึ้นหิ้งก็คงไม่พ้นอย่าง Die Hard หรือ Lethal Weapon มาในยุคนี้เรื่องแรกที่คนดูนึกถึงอาจจะเป็นซีรี่ย์ไตรภาคของ the Bourne Identity แต่เชื่อแน่ว่าทุกคนเมื่อชมภาพยนตร์เรื่องนี้จบ คงต้องยกให้หนังเรื่องนี้เป็นหนัง "มันส์" ในรอบปี อย่างเป็นเอกฉันท์ได้ไม่ยาก


Taken เล่าเรื่องราวของพระเอกรุ่นพ่อของเรา Bryan Mills (Liam Neeson หลายคนคงรู้จักเขาจากบทอาจารย์ของสองตัวละครชื่อดัง อย่าง โอบีวัน เคนโนบี และ บรู๊ซ เวนย์ แต่ผมจำเขาได้ดีติดตา จากบทออสการ์ ชิลด์เลอร์)ซึ่งประกอบอาชีพเป็นบอดี้การ์ดรับจ้างให้กับดารา นักร้องและคนมีชื่อเสียงต่าง ๆ เขาเป็นคุณพ่อ ที่ไม่มีเวลาอยู่กับครอบครัว เนื่องจากงานที่ทำ ทำให้ต้องเดินทางเป็นประจำ ภรรยาจึงไปแต่งงานใหม่กับมหาเศรษฐี ทำให้นาน ๆ ครั้งเขาจึงจะได้มีโอกาสพบหน้า Kim (Maggie Grace ที่หลายคนคงคุ้นหน้าดีจากบท Shannon ในเรื่อง Lost)

ต่อเมื่อ Kim อยากจะไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ ที่ปารีส พระเอกของเราจึงจำยอมต้องอนุญาติ แม้จะเป็นห่วงลูกก็ตาม แต่กลายเป็นว่าการเดินทางไปเที่ยวครั้งนี้ก็เหตุการณ์ไม่คาดฝัน เมื่อลูกสาวสุดที่รักของเขากลับถูกแก๊งค์มิจฉาชีพจับตัวไป และอาจจะไม่ได้กลับมาอีกเลย ถ้าเขาไม่สามารถตามพบได้ภายในเวลาที่ถูกจำกัดไว้

นี่เป็นพล็อตเรื่องง่าย ๆ แต่กลายเป็นที่มาของหนังแอคชั่นสร้างสถานการณ์ให้พระเอกของเราต้องลุยเดี่ยว ทั้งตามสืบและบู๊ล้างผลาญไปพร้อมกัน โดยมีชีวิตของลูกสาวเละเงื่อนเวลาเป็นตัวกำหนด

ช่วงเวลาแรกประมาณ 20 นาทีแรกของหนัง ใช้ไปกับการปูพื้นฐานของตัวละครและความสัมพันธ์ที่มีต่อกัน เราจะได้เห็นแบ็คกราวน์เรื่องอาชีพ คอนเนคชั่นของเขา และความสามารถส่วนตัวของพระเอก และสิ่งที่สำคัญคือหนังทำให้เราเห็นว่าเขาเป็นพ่อที่รักและห่วงใยลูกมากขนาดไหน

ปกติแล้วหนังแนวนี้ หลายเรื่องมักไม่สนใจหรือเสียเวลากับการปูพื้นฐานเรื่องราวเหล่านี้ หรือถ้าจะทำ ก็กลายเป็นว่าช่วงเวลาเริ่มต้นของหนังเป็นความน่าเบื่อ ที่ผู้ชมต้องอดทนรอคอยว่าเมื่อไหร่จะเข้าเรื่องและถึงฉากแอคชั่นซะที

แต่กับ Taken บทภาพยนตร์และการกำกับทำให้ช่วงเริ่มเรื่องนี้ไม่เป็นสิ่งที่น่าเบื่อสำหรับเราเลย หนำซ้ำยิ่งทำให้เรารู้สึกซาบซึ้งใจไปกับความรักของพ่อที่มีให้ลูกสาวของตัวเองด้วยซ้ำ


Mills เป็นผู้ชายที่ทุ่มเทให้กับงานจนทำให้ครอบครัวต้องแตกแยก สิ่งเดียวที่ทำให้เขามีความสุขคือลูกสาววัยรุ่นของเขา ซึ่งหนังไม่ละเลยเรื่องนี้ มีการนำเสนอเหตุการณ์เล็ก ๆ ที่คนเป็นพ่อตั้งใจทำให้กับความฝันของลูก

แต่ด้วยอาชีพที่พระเอกทำ ทำให้เขาเป็นคนรอบคอบ ระแวดระวังตลอดเวลา เมื่อลูกสาวเขาขออนุญาติไปเที่ยวต่างประเทศ ทำให้เขาไม่อยากจะอนุญาติ แต่ด้วยคำเกลี้ยกล่อมของ Lenore อดีตภรรยา (Famke Janssen)ทำให้เขาต้องยอมอนุญาติ

หนังทำให้เห็นถึงความฉลาดเฉลียวของพระเอก ยามที่เขาต้องรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน ก็ยังมีสติอยู่อย่างครบถ้วน และตัดสินใจทำสิ่งต่าง ๆ อย่างรอบคอบ ด้วยทางเลือกที่ดีที่สุด และที่สำคัญรวดเร็ว

ตอนที่พระเอกคุยโทรศัพท์กับผู้ร้าย หลายคนอาจจะเข้าใจไปก่อนว่าเป็นการขู่ให้ผู้ร้ายกลัว แต่หลังจากนั้นเราจะพบความจริงว่า เขาทำได้ตามนั้นจริง ๆ


จุดเด่นของหนังคือการสร้างเบาะแสให้พระเอกสามารถตามรอยได้ โดยใช้ไหวพริบ ปฏิภาณ สติสัมปชัญญะ ประสบการณ์และทักษะที่พระเอกมีในการแกะรอย ทั้งที่ดูเหมือนเป็นเรื่องยาก ให้กลายเป็นเรื่องง่ายดายได้

นอกจากนี้หนังยังเอาใจคอแอคชั่นด้วยฉากการต่อสู้แบบศิลปะการต่อสู้แบบประชิดตัว แบบที่เราจะได้เห็นในหนังของสตีเว่น ซีกัลเป็นประจำ แต่ในเรื่องนี้ดิบ เถื่อน และดูจริงกว่า

ฉากการไล่ล่าด้วยรถ ฉากยิงปืนต่อสู้ และหนังก็ไม่ลังเลที่จะให้ตัวพระเอกทำให้สิ่งที่จำเป็นต้องทำ เพื่อให้ตามหาลูกสาวเจอ จึงเป็นที่มาของฉากที่พระเอกแสดงความโหด และใจเด็ด โดยไม่รีรอและลังเลแต่อย่างใด

ซึ่งสะใจและถูกใจผู้ชมเป็นอย่างมาก


Liam Neeson รับบทแอคชั่นเต็มตัวเรื่องนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ตัวละครของเขามีมิติ ยามที่เป็นพ่อ ก็ทำให้คนดูอย่างเราซาบซึ้ง ประทับใจ และสงสาร เห็นใจไปกับการแสดงออกทางใบหน้าหรือแววตายามที่เขาผิดหวังได้เป็นอย่างดี แต่เมื่อยามต้องสวมบทโหด คนดูก็เชื่ออย่างไม่สงสัย ว่าคนแบบเขานี่แหละถึงจะทำภารกิจนี้ให้สำเร็จได้


Maggie Grace ซึ่งในขณะแสดงนั้นอายุ 24-25 แล้ว แต่ก็มารับบทเป็นเด็กสาวอายุ 17 ปี ได้อย่างไม่เคอะเขิน เธอแสดงเป็นเด็กสาววัยรุ่นที่อยู่ในวัยที่อยากเที่ยวเล่น ทำตามใจตัวเอง แต่ก็เป็นวัยที่สดใส น่าทะนุถนอม ซึ่งไม่แปลกแต่อย่างใดที่คนเป็นพ่อจะห่วงลูกสาวอย่างเธอมากขนาดนั้น ฉากดีใจที่พ่ออนุญาติ และฉากที่อยู่ในความหวาดกลัวตอนที่ผู้ร้ายบุกเข้ามา ก็แสดงออกได้อย่างถึงอารมณ์ ทำให้คนดูยิ้มได้ และเอาใจช่วยได้เช่นกัน


งานโปรดักชั่นของหนังก็ทำออกมาได้ดี ถึงตามมาตรฐาน ทั้งการออกแบบฉากแอคชั่น ฉากต่อสู้ แม้ไม่ใช่งานที่สร้างปรากฏการณ์ใหม่ก็ตาม แต่ผู้สร้างก็รู้ใจคนดูเป็นอย่างดี ว่าต้องการอะไร

มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่หนังเรื่องนี้ไม่มี ซึ่งจะว่าขาดหายไปก็ไม่ได้ เพราะผู้สร้างเจตนาจะทำให้หนังเดินหน้าไปในทิศทางนี้ สิ่งนั้นก็คือ มุกตลกและเสียงหัวเราะนั่นเอง

แต่สิ่งที่คนดูจะได้รับ คือการเดินเรื่องที่รวดเร็ว ความระทึกใจ เอาใจช่วย และความมันส์แบบนันสต๊อปตั้งแต่ต้นจนจบ

หนังมันส์แห่งปี ที่ยกขึ้นหิ้งและติดอันดับหนังยอดเยี่ยมในใจหลายคนได้ไม่ยาก

ผมให้ 9/10 คะแนนเลยครับ

2 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ12 กรกฎาคม 2553 เวลา 12:11

    ยังไม่ได้ดูคับ แต่กำลังจะไปหามาดู ฟังจากที่เล่ามา น่าให้ออสก้า 35 ตัวเลยทีเดียวเชียว

    ตอบลบ
  2. โคตรมัน ^^

    ตอบลบ