วันจันทร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
Case 39 คดีปริศนาสยองขวัญ : แม้ไม่ย่ำแย่ แต่มาที่หลังเขา ต้องได้มากกว่านี้
รีวิวกึ่งวิจารณ์ ไม่สปอยเนื้อหาสำคัญของเรื่อง
ช่วงนี้มีหนังสยองขวัญที่ทยอยออกแผ่นมาหลายเรื่อง ทั้ง Triangle , Paranormal Activity , The Fourth Kind , A Perfect Getaway และล่า่สุดที่ผมได้ดูก็ Case 39 ถือว่าเป็นช่วงซัมเมอร์ของคอหนัง Horror หรือ Thriller อย่างเรา ๆ ท่าน ๆ กัน
ในบรรดาเรื่องทั้งหมดที่กล่า่วถึงนั้น แต่ละเรื่องดูจะมีแนวทางเป็นของตัวเอง และมีบรรยากาศแปลก ๆ ใหม่ ๆ มานำเสนอ ไม่ก็มีพล็อตเรื่องสุดเจ๋ง ให้คนเอามาถกกันต่อหลังดูจบ อย่าง Triangle
ที่ดูจะอ่อนด้้อยกว่าชาวบ้านเขามากที่สุดก็คงเป็นผลงานการแสดงเรื่องล่าสุดของนักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์ Renee Zelviger จาก Case 39 นี่แหละ
หนังเริ่มต้นที่เจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์ครอบครัว เอมิลี่ (Renee Zelviger) ที่มีหน้าที่เข้าช่วยเหลือและดูแลเด็กที่มีปัญหาที่เกิดจากครอบครัว ซึ่งนับวันปัญหาเหล่านี้จะเกิดขึ้นมากกมาย จนงานล้นมือเธอ นับได้ 38 คดีแล้ว แต่ไม่วายเจ้านายใจดี ยังโอนคดีที่ 39 มาให้เธอดูแลอีกต่างหาก
ลิลิธ ซัลลิแวน (Jodelle Ferland) เด็กสาวน่าสงสาร มีรายงานว่าเธอกำลังมีปัญหาอันเกี่ยวเนื่องกับครอบครัว ซึ่งเอมิลี่เชื่อว่าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ สุดท้ายความกลัวของเธอก็เป็นจริง เมื่อพ่อแม่ของลิลิธพยายามจะฆ่าเธอ เอมิลี่จึงรับเธอมาไว้ในการอุปการะชั่วคราวจนกว่าจะมีครอบครัวอุปถัมภ์มารับช่วงต่อไป
แต่หลังจากนั้นก็เริ่มเกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นกับเธอและบางคนรอบตัว และยิ่งเวลาผ่านไป ก็ดูเหมือนจะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ เอมิลี่คิดถูกหรือคิดผิดกันแน่ที่เธอเข้ามายุ่งกับ Case 39 นี้
Trailer หนังได้เปิดเผยให้เราได้เห็นเนื้อหาบางส่วนของหนังและทิศทางที่หนังเ้ดินทางไปแล้ว ดังนั้นสำหรับคอหนังที่ผ่านการดูหนังประเภทนี้มามากแล้ว หรือชอบคิดดักทางแนวหนัง คงไม่ต้องเดาให้ยากอะไรว่าสุดท้ายแล้วหนังจะเฉลยเนื้อหาออกมาอย่างไร
ถือว่าเป็นการพลิกบทบาทการแสดงครั้งหนึ่งของ Renee Zelviger แต่คงไม่ใช่ครั้งสำคัญ กับผลงานแนวสยองขวัญเรื่องแรกของเ้ธอ ซึ่งถ้าดูกัีนที่ภาพลักษณ์ภายนอกนั้น อาจจะดูไม่ค่อยเข้ากับเธอซักเท่าไหร่ ไม่เหมือนกับบทบาทการแสดงที่ทำให้่ได้ใจผู้ชมไปกับสาว Bridget Jones หรือแม้แต่เรื่อง Nure Betty แต่ไม่ได้หมายความว่าการแสดงของเธอในเรื่องนี้เลวร้ายนะครับ คือถ้าคุณลบภาพสาวน้อยร่างอวบสวมชุดบันนี่ เกิร์ล ออกไปได้ การแสดงของเธอก็ถือว่าผ่าน
ก็คงเป็นเรื่องยากสำหรับนักแสดงบางคนที่ส่วนใหญ่จะได้รับบทประเภทหนึ่งเป็นประจำ แล้วมาพลิกบทบาทรับบทอีกประเภทหนึ่ง จะทำให้คนดูอินกับการแสดงของเธอได้ เหมือนที่ครั้งหนึ่ง Meg Ryan พยายามจะพลิกบทบาทของตัวเองมาแล้วใน In the Cut
แต่ที่พูดมานี่อย่าคิดว่าปัญหาของหนังเรื่องนี้คือนักแสดงนำอย่างนางเอกนะครับ แต่ปัีญหาคือหนังไม่มีอะไรใหม่ ๆ มานำเสนอให้กับผู้ชม สำหรับแฟนประจำของ Renee อาจจะสนุกที่ได้เห็นดาราคนโปรดลุกมาแสดงหนังฉีกแนวบ้าง หลังจากทำได้ดีในการรับบทดราม่าแล้วทำให้ได้รับรางวัลมาแล้วใน Cold Mountain แต่ความสนุกนั้นคงถูกหั่นหายไปซัก 7 ใน 10 ส่วนสำหรับคอหนังสยองขวัญที่รอคอยจะดูหนังที่มีเรื่องราวและวิธีการนำเสนอใหม่ ๆ หรือไม่อย่างน้อยก็ขอความสะใจก็ยังดี แล้วได้มาดูหนังเรื่องนี้
หนังดำเิินินเรื่องตามสูตรและปัญหาก็คือ ดันจบลงแบบตามสูตรอีกต่างหาก หลายคนที่ดูคงอดนึกถึงหนังเรื่องอื่น ๆ ที่มีพล็อตใกล้เคียงกันนี้ไม่ได้ ประเภท พ่อแม่ หรือพ่อแม่บุญธรรมเลี้ยงลูก แล้วดันมีเรื่องประหลาดเกิดขึ้น อันนั้นพัง ไอ้นี่ตาย วุ่นวาย สุดท้ายก็ชั่วร้าย
ผมว่า แม้ผมจะพยายามไม่สปอยล์ แต่ถ้าคุณได้ดูตัวอย่างหนังมาก่อน ก็คงเดาได้ไม่ยาก
ผู้กำกับ Christian Alvart มีหนังออกฉายสองเรื่องในปีเดียวกัน (2009) คือเรื่องนี้ Case 39 กับ Pandorum ดูเหมือนเรื่องแรกจะเป็นการทำคั่นเวลาไปจากบทหนังของคนอื่น แล้วอาจจะไปทุ่มเทให้กับเนื้อเรื่องของตัวเองในเรื่องหลัง ซึ่งลงมือเขียนบทเอง
ซึ่งวัดกันแล้ว Pandorum ดูจะมีอะไรแปลกใหม่และมีตอนเซอร์ไพร์ส และมีเรื่องให้จดจำมากกว่า และอาจจะมีเรื่องให้ถกกันหลังดูจบมากกว่า เพราะดูไม่รู้เรื่อง ซึ่งต้องโทษการตัดต่อ (ผมต้องมานั่งกรอดูซ้ำอีก 2-3 ครั้งถึงจะเข้าใจ)
แต่กับ Case 39 ดูแล้วก็จบเลย
นักแสดงสมทบที่พอจะมีชื่อเสียงบ้างในเรื่องนี้ก็อย่าง Badley Cooper ซึ่งรับบทแฟนหนุ่มของนางเอกที่ทำงานอยู่ในแวดวงเดียวกัน ก็มีเวลาขึ้นจอน้อยและไม่มีบทบาทที่ช่วยเนื้อหาแต่อย่างใด
การแสดงของดาราเด็กในเรื่องถือว่าทำได้ดี แต่ถ้าเอามาเทียบกับ Isabella Fuhman ในบทเอสเธอร์ จากเรื่อง Orphan แล้วล่ะก็ รา่ยหลังคงชนะขาดลอย
สำหรับ Case 39 ถ้านำมาเทียบกับหนังเนื้อหาใกล้เคียงกันที่เพิ่งฉายไปไม่นานแล้ว ด้านเนื้อหา The Orphanage มีอะไรแปลกใหม่มาให้กับผู้ชมมากกว่า ด้านความระทึกขวัญ Orphan ก็ให้ได้มากกว่า
เทียบกับ The Omen แน่นอนว่านั่นคลาสสิคกว่าอยู่แล้ว (เวอร์ชั่นแรกและภาคแรกเท่านั้น) เพราะเขามาเป็นเจ้าแรก ๆ
ดังนั้นแม้หนังจะไม่ย่ำแย่อะไร แต่ว่ามาที่หลังเขา คงต้องทำให้ได้มากกว่านี้
ให้คะแนนซัก 5.5/10 คะแนนครับ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
น่ากลัว
ตอบลบ