ยินดีต้อนรับครับ

ยินดีต้อนรับครับ

ทักทาย

ผมลองจัดระเบียบบล็อกใหม่ดูนะ ครับ

โดยแบ่ง Group Blog ออกตามประเภทของหนังและนิยายนะครับ
เพราะคิดว่าหลายคนส่วนใหญ่ไม่ได้ชอบ ดูหนังทุกประเภท

เช่น บางคนชอบดูหนัง Romantic แต่ไม่ชอบดูหนังสยองขวัญเลย เพราะไม่ชอบ น่ากลัว

บางคนก็ชอบดูหนัง สยองขวัญเป็นชีวิตจิตใจ หนังชีวิตน่าเบื่อมาก ไม่ชอบดู

ผมเลยแบ่ง หมวดหมู่เป็นประเภทของหนัง (แต่ตอนนี้แต่ละหมวดยังน้อยอยู่) เผื่อว่าใครผ่านเข้ามาในบล็อกแล้วอยากจะอ่านรีวิวเก่า ๆ จะได้เลือกได้ตามประเภทของหนังตามที่ชอบได้

ที่แบ่งตั้งแต่ตอนนี้ แม้หนังที่เขียนยังไม่เยอะ เพราะคิดว่าต่อไปเกิดเยอะมาแบ่งที่หลังจะยิ่งเสียเวลาน่ะครับ

บางเรื่องก็แบ่งยากเหมือนกัน มันคาบเกี่ยวกัน แต่ผมจะพยายามยึดอารมณ์ของหนังเป็นหลักน่ะครับ

อ้อ แล้วก็ในบล็อกผมตั้งใจจะขึ้นคำเตือนในทุกบล็อกว่าตรงไหนคุยแบบไม่สปอยล์ ตรงไหนคุยแบบสปอยล์ เวลาใครมาอ่านจะได้อ่านแบบสบายใจได้ไม่ต้องกลัวถูกสปอยล์นะครับ

ถ้าใครแวะมาแล้วไม่รู้จะคอมเมนต์ อะไร ก็ฝากข้อความทิ้งไว้ที่ Shout Box ด้านข้างได้นะครับ


ขอบคุณ ทุกท่านที่แวะเวียนมาอ่านนะครับ ผมก็จะแวะเวียนไปหาท่านด้วยเช่นกัน ตามโอกาสและเวลา

วันศุกร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

Frontier อำมหิตสุดขอบคลั่ง : หนังโหดสัญชาติฝรั่งเศส หดหู่ และสลดใจกว่าแต่ถึงใจน้อยกว่า Hostel


รีวิวกึ่งวิจารณ์ ไม่สปอยล์เนื้อหาสำคัญครับ



ใครที่จะดูหนังเรื่องนี้ คงต้องเป็นพวกจิตแข็งเท่านั้น ถ้าคุณดูหนังอย่าง Friday the 13th หรือ Halloween แล้วจิตตก ขอให้ผ่านเรื่องนี้ไปได้เลย


แทบทุกคนที่ดูหนังเรื่องนี้จบแล้ว คงอดไม่ได้ที่จะนำมาเปรียบเทียบกับหนังแนวนี้เรื่องอื่น ๆ โดยเฉพาะ Hostel หนังโหดเรื่องดังที่เควนติน ทาแรนติโน่ ภูมิใจเสนอ (ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้กำกับเอง แค่ชอบ)

Fronties เล่าเรื่องราวของกลุ่มวัยรุ่นมิจฉาชีพกระจอกกลุ่มหนึ่ง ที่ฉวยโอกาสช่วงจราจลจากเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองภายในประเทศฝรั่งเศส วางแผนปล้น เพื่อหาเงินออกนอกประเทศ แต่การปล้นเกิดผิดพลาดขึ้นมา ตำรวจตามรอยมาเจอ จึงทำให้พวกเขาต้องแยกย้ายเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งมีคนบาดเจ็บหนักต้องพาไปโรงพยาบาล จึงนัดให้กลุ่มหนึ่งไปรออยู่ที่โรงแรมแถวใกล้ชายแดน แล้วเดี๋ยวค่อยตามไปเจอกัน อันเป็นที่มาของชื่อหนัง (Frontier แปลว่า ชายแดน , พรมแดน)

เล่าถึงตรงนี้คอหนังแนวนี้คงพอจะเดาแนวทางออก ใช่ครับ หลังจากนั้นหนังก็เข้าตามรอยสูตรสำเร็จของหนังแนวนี้หลายต่อหลายเรื่อง ประมาณ กลุ่มตัวละครเอก (จะว่าพวกนี้เป็นพระเอก นางเอก ก็ไม่เชิง เพราะเป็นพวกมิจฉาชีพ) ต้องไปยังที่ที่ไม่คุ้นเคย แล้วไปเจอกับพวกฆาตกรโรคจิตบ้า ๆ ไล่ฆ่าเอา ซึ่งพล็อตหนังแนวนี้ก็มีออกมาได้เรื่อย ๆ เช่น

Wrong turn อันนี้เลี้ยวผิด หลงทาง
The Hill Have Eyes อันนี้จะไปเที่ยว น้ำมันหมดหรือรถเสีย (จำไม่ได้) ต้องค้างกลางทะเลทราย
Hostel ไปเที่ยวต่างประเทศ
Texas Chainsaw Massacre ขับรถข้ามรัฐจะไปดูคอนเสิร์ต รถเสียระหว่างทาง

เรื่องนี้ก็แทบไม่ต่างกัน กลุ่มตัวเอกของเรื่องต้องเข้าพักโรงแรมบ้านนอกแถบชายแดน เพื่อรอสมัครพรรคพวกที่จะตามมาสมทบ แต่พวกเขาหารู้ไม่ว่าเจ้าของโรงแรมเหล่านั้น เป็นครอบครัวอดีตนาซีเก่าที่จิตวิปริต กระหายเลือด และพร้อมที่จะเข่นฆ่าทุก ๆ คนที่ผ่านเข้ามา

ตัวหนังเดินรอยตามสูตรเดิม ๆ ไม่มีอะไรแปลกใหม่ มีช่วงที่ตัวละครพลาด แล้วก็ถูกฆ่าตาย และก็เหลือบางคนรอด ซึ่งผู้ชมก็จะเดาได้ไม่ยากว่าใครจะรอด แล้วก็ช่วงเอาคืน เป็นแพทเทิร์นหลักที่หนังแนวนี้ส่วนใหญ่ใช้
มาพิจารณากันที่ฉากขายกลุ่มผู้ดูหนังแนวนี้กัน คือฉากโหด ๆ ทั้งหลาย

ถ้าไม่นับว่าหนังไม่มีพล็อตเรื่องแปลกใหม่อะไร ก็ต้องยอมรับว่าฉากโหด ๆ ต่าง ๆ นั้นทำได้กดดันได้แทบไม่แตกต่างกันกับหนังที่ผมได้กล่าวไว้ข้างต้น

แต่อย่างที่จั่วหัวไว้ในหัวข้อ หลายคนคงจะเปรียบเทียบกับ Hostel เพราะค่อนข้างมีพล็อตเรื่องที่คล้ายคลึงกันอยู่

สำหรับผมแล้วเรื่องนี้ให้ความรู้สึกที่หดหู่ สมเพชและสลดใจมากกว่า Hostel อาจเป็นเพราะ Frontiers เลือกให้ผู้หญิงเป็นตัวเอกของเรื่อง ทำให้บรรยากาศช่วงท้าย ๆ นั้นคนดูจะให้ความสงสารกับตัวเอกมากกว่า พระเอกในเรื่อง Hostel

และยิ่งผู้กำกับ กำกับให้การแสดงออกของนางเอกในช่วงสุดท้ายที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดนั้นยิ่งดูน่าสมเพช สงสารและสลดหดหู่ใจ จากท่าทางการแสดงออกของนางเอกหลังจากถูกไล่ล่า และต้องลุกขึ้นมาต่อสู้นั้น ก็ชวนให้คิดว่า ชีวิตหลังจากนี้ของนางเอกนั้นจะเป็นปกติสุขได้อย่างไร

นั่นทำให้หนังเรื่องนี้ให้บรรยากาศที่มืดมนกว่า

แต่สำหรับฉากเอาคืนของหนังเรื่องนี้นั้น ไม่ได้เป็นการเอาคืนแบบตามล่า ล้างแค้น หรือตอบโต้ ตาแทนตา ฟันแทนฟันแต่อย่างใด แต่เป็นการทำไปตามสัญชาตญาณของการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดมากกว่า

เทียบกับ Hostel แล้วผู้ชมอาจรู้สึกสะใจไปกับฉากเอาคืนมากกว่า เพราะมันเป็นการปลดปล่อยอารมณ์ของตัวละครซึ่งเป็นฝ่ายถูกกระทำ และได้แก้แค้นคืน

มีข้อน่าสังเกตุว่า ตอนท้าย ๆ ของเรื่องนั้น ผู้กำกับเลือกจะให้ตัวนางเอกนั้นถูกเลือดที่เกิดจากการต่อสู้ดิ้นรนเอาชีวิตรอดนั้น เปรอะเปื้อนไปหมดทั้งใบหน้าและร่างกาย อาจเพราะคนส่วนใหญ่อาจรับได้ยาก เวลาที่เห็นผู้หญิงถูกทำร้ายอย่างรุนแรงด้วยการต่อยเตะที่ใบหน้า ทำให้ช่วยลดทอนความหดหู่ของหนังลงไปได้บ้าง


สิ่งที่เป็นข้อด้อยของหนังเรื่องนี้ คือส่วนของ sub-plot ที่ใส่เข้ามาช่วงต้นเรื่อง เรื่องความขัดแย้งของนางเอกกับแฟนเก่า เกี่ยวกับลูกในท้อง ซึ่งไม่ได้ช่วยทำให้หนังมีเรื่องราวที่มิติมากขึ้นแต่อย่างใด แต่สร้างมาเพื่อนำมาตอบความต้องการของกลุ่มนาซีในเรื่องเพียงแค่นนั้น

และเรื่องเธอและพี่ชายในตอนต้นเรื่อง ที่ทำขึ้นเพียงเพื่อให้กลุ่มตัวเอกแยกกันเดินทาง ก็ทำให้หนังเสียเวลาในการเริ่มต้นเรื่องราวหลักของหนังไปพอสมควร ซึ่งเป็นสิ่งที่คนดูหนังแนวนี้รอดูอยู่ และดูจะไม่คุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปของหนังซักเท่าไร

หนังเรื่องสัญชาติฝรั่งเศสเรื่องนี้กำกับโดยผู้กำกับ Xavier Gens ซึ่งมีผลงานหลังจากเรื่องนี้ที่คนไทยรู้จักกันดีคือ Hitman นั่นเอง

มีข้อสังเกตุอย่างหนึ่งคือ ระยะหลังมานี้ประเทศฝรั่งเศสผลิตหนังโหดแนวนี้ออกมาหลายเรื่องแล้ว และแต่ละเรื่องก็ถือว่าขึ้นหิ้งในแนวของตัวเองได้เป็นอย่างดีเลย เช่น

Haute Tension ติดอันดับ 1 ใน 10 หนังโหดของใครหลายคน , Inside เรื่องนี้ทำได้ดีในบรรยากาศของสถานที่แคบ ๆ และจำกัด และกดดันได้ยิ่งกว่า , Martyrs กดดัน สั่นประสาทและสะเทือนใจ

ไม่รู้ฝรั่งเศสมีนโยบายส่วนตัวอะไรกับหนังแนวนี้หรือเปล่า เหมือนกับเมืองไทยเราที่หนังผีและตลกครองตลาดอยู่ทุกวันนี้

ให้คะแนนยากเหมือนกัน เพราะผมดูแล้วมีข้อเปรียบเทียบกับเรื่องอื่น ๆ แต่หากจินตนาการว่าไม่เคยดูเรื่องไหนมาเลย เมื่อมาดูเรื่องนี้ คงให้ซัก 7.5

แต่ถ้าเทียบกันว่าก่อนหน้านี้เคยมีเรื่องอื่นทำแนวนี้ออกมาแล้ว ก็คงจะให้แค่ 6.5/10 เท่านั้น

(คะแนนที่ผมให้หนังแต่ละเรื่องนั้น ไม่สามารถเอามาเทียบกันได้ว่าเรื่องไหนดีกว่าเรื่องไหน เพราะผมให้ตามแนวของหนัง ถ้าทำได้ถึงตามแนวที่หนังเป็น ผมก็ให้เยอะหน่อย แค่นั้นเองครับ)

อนึ่ง ถ้าท่านไม่เห็นหนังเรื่องนี้ในโรงหรือเป็นแผ่นนั่นเพราะ ถูกแบนในบ้านเรา เพราะเนื้อหารุนแรงนั่นเอง ถ้าอยากดูก็ต้องใช้กำลังภายในกันเองนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น