ยินดีต้อนรับครับ

ยินดีต้อนรับครับ

ทักทาย

ผมลองจัดระเบียบบล็อกใหม่ดูนะ ครับ

โดยแบ่ง Group Blog ออกตามประเภทของหนังและนิยายนะครับ
เพราะคิดว่าหลายคนส่วนใหญ่ไม่ได้ชอบ ดูหนังทุกประเภท

เช่น บางคนชอบดูหนัง Romantic แต่ไม่ชอบดูหนังสยองขวัญเลย เพราะไม่ชอบ น่ากลัว

บางคนก็ชอบดูหนัง สยองขวัญเป็นชีวิตจิตใจ หนังชีวิตน่าเบื่อมาก ไม่ชอบดู

ผมเลยแบ่ง หมวดหมู่เป็นประเภทของหนัง (แต่ตอนนี้แต่ละหมวดยังน้อยอยู่) เผื่อว่าใครผ่านเข้ามาในบล็อกแล้วอยากจะอ่านรีวิวเก่า ๆ จะได้เลือกได้ตามประเภทของหนังตามที่ชอบได้

ที่แบ่งตั้งแต่ตอนนี้ แม้หนังที่เขียนยังไม่เยอะ เพราะคิดว่าต่อไปเกิดเยอะมาแบ่งที่หลังจะยิ่งเสียเวลาน่ะครับ

บางเรื่องก็แบ่งยากเหมือนกัน มันคาบเกี่ยวกัน แต่ผมจะพยายามยึดอารมณ์ของหนังเป็นหลักน่ะครับ

อ้อ แล้วก็ในบล็อกผมตั้งใจจะขึ้นคำเตือนในทุกบล็อกว่าตรงไหนคุยแบบไม่สปอยล์ ตรงไหนคุยแบบสปอยล์ เวลาใครมาอ่านจะได้อ่านแบบสบายใจได้ไม่ต้องกลัวถูกสปอยล์นะครับ

ถ้าใครแวะมาแล้วไม่รู้จะคอมเมนต์ อะไร ก็ฝากข้อความทิ้งไว้ที่ Shout Box ด้านข้างได้นะครับ


ขอบคุณ ทุกท่านที่แวะเวียนมาอ่านนะครับ ผมก็จะแวะเวียนไปหาท่านด้วยเช่นกัน ตามโอกาสและเวลา

วันพฤหัสบดีที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2553

เฉือน ฆาตกรรมรำลึก ชีวิตบัดซบในโลกที่โหดร้าย


รีวิวกึ่งวิจารณ์ ไม่สปอยล์เนื้อหาสำคัญครับ

ยอมรับตามตรงว่านาน ๆ ทีถึงจะได้ดูหนังไทย แต่ไม่เคยแอนตี้หนังไทยเลย

สำหรับเรื่องนี้ ตัวผมถือว่าเป็นกลุ่มเป้าหมายโดยตรงสำหรับหนังเรื่องนี้เลยนะครับ นาน ๆ ทีจะมีหนังแนวนี้ของไทยออกมา ที่ไม่มีผีสางนางไม้มาเกี่ยวข้อง เป็นแนวสืบสวนล้วน ๆ

เรื่องย่อขอก็อปมาจากเวบหนังทางการของเรื่องเลยแล้วกัน

เกิดคดีฆาตกรรมต่อเนื่องสุดสยอง เมื่อเหยื่อทุกรายถูกฆ่าหั่นศพ และนำชิ้นส่วนแยกไปทิ้งคนละแห่ง ศพแล้วศพเล่า ตำรวจมืดแปดด้านไม่อาจหาตัวฆาตกรได้

ไท รับบทโดย เป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ นักโทษชั้นหนึ่ง อดีตมือปืนรับจ้างกลับใจ เขาพยายามที่จะบอกเรื่องความสงสัยที่เขารู้ว่าใครคือฆาตกรรายนี้กับ ชิน รับบทโดย ฉัตรชัย เปล่งพานิช นายตำรวจใหญ่ที่ใช้เขาทำงานลับ แต่ชินไม่ใส่ใจฟัง แต่เมื่อเหตุสยองเกิดขึ้นอีกคราวกับลูกชายรัฐมนตรี ตำรวจต้องพยายามทำทุกวิถีทางในการจับฆาตกรมาลงโทษให้ได้ และไทก็ถูกนำตัวมาจากเรือนจำ การต่อรองเกิดขึ้น ไทขอให้ปล่อยตัวเขาโดยไม่มีข้อแม้ และขออิสระในการทำงานทุกอย่าง โดยภายใน 15 วัน เขาจะต้องนำตัวฆาตกรมาลงโทษให้ได้ โดยจับตัวภรรยาของเขาไว้เป็นตัวประกัน ถ้าเขาไม่กลับมาพร้อมฆาตกร ให้ฆ่าภรรยาเขาทันที

ไทแกะรอยจากความทรงจำของเขาในอดีต และแล้วความจริงจากอดีตก็เริ่มฉายภาพชัดขึ้นฆาตกรมืออาชีพ และฆาตกรต่อเนื่อง ถูกกำหนดให้เผชิญหน้ากันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อะไรคือบทสรุปที่มาแห่งการฆาตกรรม

สำหรับผมแบ่งหนังเรื่องนี้ออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนของ Flash back ที่เป็นเรื่องราววัยเด็กของไท และเนื้อหาในปัจจุบันที่เป็นการเดินทางไขปริศนาคดีของไทให้ทันเวลา โดยมีชีวิตของน้อยเป็นเดิมพัน

เรื่องราวในวัยเด็กนั้นถือว่าทำออกมาได้ดีถึงดีมาก บทหนังทำให้เห็นถึงพัฒนาการของตัวละครหลัก (ในวัยเด็ก) และความสัมพันธ์ที่เป็นมิตรภาพที่ก่อเกิดขึ้นบนความเห็นอกเห็นใจ แต่สุดท้ายความโหดร้ายของสังคมก็ไม่ปราณีใคร และเด็กก็ยังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ สิ่งที่พวกเขาพบเจอเกินกว่าที่เด็กธรรมดาจะแบกรับมันไว้ได้ เป็นเหตุให้ตัวละครหนึ่งตัดสินใจทำสิ่งหนึ่งขึ้น อันเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของพวกเขา

การแสดงของตัวละครหลัก แสดงออกได้ถึงตามบทบาทที่ได้รับ ทำให้คนดูอย่างเราสนุกไปการรับชมชีวิตของพวกเขา ซาบซึ้งไปกับมิตรภาพที่ให้กัน เห็นใจกับสิ่งที่เขาต้องเผชิญ และแม้แต่เข้าใจเมื่อบางคนตัดสินใจเลือกทำบางอย่าง

ฉากแสดงอารมณ์ที่เป็นจุดเปลี่ยน ก็ทำได้ดี ดีจนน่าชมเชย

ในส่วนนี้ ผมให้คะแนน 9/10


อีกส่วนหนึ่่งคือเหตุการณ์ปัจจุบัน ซึ่งน่าเสียดายที่ข้อด้อยแทบทั้งหมดของหนังอยู่ในส่วนนี้

จริง ๆ แล้วสัดส่วนของตัวละครในปัจุจุบันนั้นมากกว่าในเหตุการณ์ย้อนอดีต แต่กลับไม่รู้สึกว่าเรื่องราวในปัจจุบันมีเนื้อหาอะไรน่าสนใจ นอกเสียจากว่าตัวฆาตกรคือใคร

ความสัมพันธ์ของตัวละครทั้งไท น้อย และชิน ดูบางเบา ไม่หนักแน่น เนื่องจากมีการปูเรื่องที่น้อยเกินไป อีกทั้งการแสดงของคุณเป้ในเรื่องนี้แล้ว อยู่ในเกณฑ์เกือบผ่าน ซึ่งหมายความว่าไม่ผ่าน โดยเฉพาะซีนที่ต้องเค้นอารมณ์ในตอนจบนั้นไปไม่ถึงอย่างที่บทคาดหวัง

แต่ก็ถือว่านักแสดงท่านนี้มีพัฒนาการทางการแสดงในทิศทางที่ดี

สำหรับคุณเจสสิก้า ดาราหน้าใหม่นั้น การแสดงของเธอในเรื่องนี้ยังดูประดักประเดิดอยู่บ้าง ยังไม่สามารถเค้นอารมณ์ หรือใส่อารมณ์บางอย่างที่ควรจะมี หรือจำเป็นต้องมีของตัวละครตัวนี้ เมื่อบทหนังพาตัวละครตัวนี้ไปถึงจุดที่ต้องเรียกร้องความรู้สึกบางอย่างกลับมาจากคนดู ทำให้ตัวละครตัวนี้ขาดมิติในเชิงลึกไป (แม้บทจะมีมิติ แต่การแสดงไปไม่ถึง)

แต่ใช่ว่าเธอจะแสดงได้เลวร้าย เพียงแต่ผมรู้สึกว่าบทหนังเรียกร้องให้เธอแสดงมากเกินกว่าที่ตัวเธอจะทำได้ในฐานะนักแสดงใหม่

ส่วนตัวคุณฉัตรชัยแล้วถือว่าให้การแสดงที่เป็นไปตามมาตรฐานของตัวเองที่ผ่านมา แต่เป็นที่น่าเสียดายที่บทบาทของเขาถูกกลบด้วยการแสดงรูปร่างภายนอกของตัวละครให้ออกมาดูสุดโต่ง

โกรกผมสีขาว ใส่เสื้อขาวเหมือนพวกนักบวช คนดูยากที่ยอมรับได้ รู้สึกว่าหลุดออกจากโลกของความเป็นจริง
จากประเด็นนี้ เห็นได้ชัดว่าผกก.และผู้เขียนบท มีเจตนาที่จะทำให้หนังเรื่องนี้ออกมาในแนวเสียดสีสังคม (วงการตำรวจ , ปัญหาครอบครัว , ปัญหาความเสื่อมทรามของสังคม , การล่วงละเมิด) และใช้สัญญลักษณ์เรื่องสีเพื่อทำให้โทนหนังออกมาในแนวฟิล์มนัว (Film noir) ผสมความเหนือจริง

ในส่วนนี้ ผมให้ 6/10


โดยสรุป

ส่วนที่เป็นข้อด้อยของหนังเรื่องนี้คือ


1. แรงจูงใจของฆาตกรที่ดูจะเกินเลยขอบเขตไปบ้างและดูไม่สมเหตุสมผลในบางเคส บางกรณี เมื่อหนังเฉลยที่มาที่ไปของเรื่องแล้ว

2. การให้ตัวละครบางตัวแต่งตัวสีสันฉูดฉาด เพื่อขับเน้นภาพสัญญลักษณ์ขึ้นมา ดูเป็นส่วนล้นหลุดออกมาจากตัวหนังเกินไป ถ้าปรับทั้งหมดให้ดูจริงจังและสมจริงลง คนดูอาจรู้สึกไม่แปลกแยกจากการรับชมมากเกินไป

3. การแสดงในส่วนไคลแมกซ์ที่ตั้งใจบีบคั้นความรู้สึก แต่ทำไม่ได้ตามเป้าหมาย

4. เนื้อหาในส่วนของการสืบสวน เพื่อไขปริศนาดูอ่อนอย่างเหลือเชื่อ แต่กลับได้เนื้อหาใน Flash back มาช่วยกอบกู้เอาไว้

5. ในเรื่องขาดตัวบอสใหญ่ ทำให้บทต้องผลักภาระหน้าที่นี้ไปให้ตัวละครตัวหนึ่งแทน แต่ความสัมพันธ์กันของแรงจูงใจในการจัดการกับตัวบอสใหญ่ ไม่ทำให้เรารู้สึกได้ว่าถึงที่สุดแล้ว

ส่วนที่เป็นข้อดีของหนังเรื่องนี้

1. ในส่วนของ Flash back ภาพสวย ถ่ายทำดี ยิ่งโดยเฉพาะใครที่เป็นเด็กต่างจังหวัด ดูแล้วต้องมีอารมณ์ร่วมแน่ ๆ

2. การแสดงรับส่งของนักแสดงในวัยเด็ก คือส่วนที่เป็นการแสดงที่ดีที่สุดในเรื่อง


3. และแน่นอนเรื่องราวของเขาทำให้เราติดตาม สนใจและเอาใจช่วยอย่างเต็มที่ (ผมนึกถึงหนังเรื่อง Up ที่ส่วนที่ดีที่สุดของหนังก็คือ Flash back เหมือนกัน)

4. ผมขอชื่นชมกับการแสดงของตัวละครเล็ก ๆ ตัวหนึ่งในเรื่อง ที่หลายคนมองข้าม คือตัวหัวหน้านักเลงที่โรงแรมในพัทยา (ที่แต่งตัวเหมือนบ๋อยนั่นแหละ) ผมคิดว่าเขาให้การแสดงที่ดีมาก ๆ ทั้งการพูดการแสดงดูไหลรื่นเป็นธรรมชาติมาก ๆ (หรือชีวิตจริง ๆ จะเป็นอย่างนั้น ...ฮา) นี่ถ้าเป็นฮอลลีวู้ด อาจจะได้เข้าชิงในสาขานักแสดงสมทบยอดเยี่ยมจากเวทีใด เวทีหนึ่งก็ได้ (ขนาด Judi Dench ยังได้ออสการ์มารับแล้วกับบทที่ปรากฏตัวบนหนังแค่ 5 นาที)


โดยรวมแล้วผมให้ 7.5/10 สำหรับหนังเรื่องนี้ครับ


หนังกำกับโดยคุณก้องเกียรติ โขมศิริ

หนังสองเรื่องก่อนของเขานั้นผมก็ชอบมากเช่นกัน (ลองของ , ไชยา)
เขียนบทโดยคุณวิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง

ส่วนต่อไปเป็นการพูดคุยแบบ Spoil เนื้อหา
ใครยังไม่ได้ดูให้ข้ามไปเลยนะครับ

Spoil Alert.......



สำหรับผมแล้วผมคิดว่านัทไม่ได้เป็นกระเทยโดยความตั้งใจของตัวเอง เขาแค่เป็นเด็กที่ไม่มีเพื่อน ที่ขอแค่มีใครซักคนเห็นคุณค่าเขา ยอมรับเขาเป็นเพื่อน แม้จะถูกทำไม่ดีเขาก็ทน

คนแบบนี้มีเยอะนะครับในสังคม เช่นผู้หญิงบางคนยอมอยู่กับผู้ชายชั่ว ๆ เพราะต้องการความรัก

เพียงแต่ในเรื่องไทไม่ได้ทำถึงขนาดนั้น แต่ฉากที่ไทต่อยนัทเพื่อให้เพื่อนยอมรับตัวเองนั้น ถือว่าทำได้สะเทือนใจดี

อย่างฉากที่หลังจากที่พวกไทกับนัทโดนรุมซ้อมกลับมาแล้ว นัทพลิกตัวไปจะไปกอดไท แล้วไทโมโหขึ้นมา ก็เป็นซีนแสดงอารมณ์ที่ดีมาก ๆ แสดงได้ดีทั้งสองคน ผมไม่คิดว่านัทตั้งใจ เพียงแต่ทำไปเพราะคิดว่าสงสารเพื่อนเท่านั้น แต่ตัวไทเองที่รับแรงกดดันมาตลอดจากความยากลำบาก และถูกซ้อมแทบทุกวันจนเกิดความตึงเครียด ความที่เป็นเด็กจึงขาดสติยั้งคิดและการควบคุมอารมณ์ไป เลยด่าว่านัทแบบแรง ๆ เป็นการระเบิดอารมณ์ที่เก็บกด

และตัดสินใจขายนัทให้กับพวกนักเลง

ชีวิตของนัทต้องเรียกว่าบัดซบ โดนพ่อทำไม่ดี โดนเพื่อนแกล้ง ต้องตกระกำลำบาก สุดท้ายโดนเพื่อนรักที่สุดทอดทิ้งและหักหลัง

ผมคิดว่าชีวิตเขาหลังจากนั้นต้องย่ำแย่แน่ ๆ (หนังไม่ได้ทำให้เห็น) สุดท้ายเลยเป็นเหตุให้เขาเลือกยึดอาชีพขายบริการแล้วก็เป็นกระเทยไปเสียเลย

สิ่งที่ทำให้ผมคิดว่าเขาไม่น่าจะเป็นกระเทยด้วยความชอบของตัวเอง เพราะตอนที่ไทไปถามจากตำรวจ ตำรวจบอกว่านัทมีเรื่องชกต่อยเป็นประจำ และยิ่งดูจากหน้าตาของนัทตอนนั้นแล้วยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่าเขาไม่ได้ต้องการเป็นแบบนั้น


แต่อย่างที่บอก นัทเองก็รู้สึกว่าชีวิตเขามันบัดซบ คน ๆ เดียวในโลกที่เคยเห็นเขาอยู่ในสายตาคือไท อย่ากระนั้นเลย เขาเลยแปลงเพศตัวเองแล้วตามหาไท เพื่อจะได้ใช้ชีวิตอยู่กับไทแบบคนรัก ซึ่งดันสำเร็จเสียด้วย

จริง ๆ แล้วชีวิตของนัทกับไทในวัยเด็กนั้นเหมือนกัน ทั้งสองคนต่างต้องการเพื่อน เพียงแต่ไทมีบุคคลิกที่เข้มแข็งกว่านัทเท่านั้นเอง

ในขณะที่ไทพยายามทำให้เพื่อนกลุ่มใหญ่ยอมรับ และให้เขาเล่นด้วย แต่เขาก็พบความจริงว่า เด็กที่ไม่ใครอยากเป็นเพื่อนด้วยอย่างนัท กลับเป็นเพื่อนที่เขาเข้าได้ดีที่สุด คุยกันถูกคอมากที่สุด และเล่นด้วยสนุกที่สุด

นั่นเพราะอะไร เพราะต่างคนต่างยอมรับกันและกันไง เป็นมิตรภาพที่บริสุทธิ์

มีสิ่งหนึ่งที่ผมสงสัยจากหนังและรู้สึกว่ามันไม่เคลียร์คือ ไทลืมเรื่องในวัยเด็กของเขาเหรอ ลืมว่าเขาเคยขายนัทให้พวกนักเลง ลืมว่าเขาทิ้งนัทไว้ที่พัทยา ลืมแบบลืมธรรมดา หรือเป็นการลืมแบบจิตใต้สำนึก คือความรู้สึกผิดทำให้ระบบความคิดเขาทำให้เขาลืม

เพราะถ้าไม่งั้นตอนที่เขาคิดว่าเขาน่าจะรู้จักกับตัวฆาตกร เพราะคิดว่าตัวฆาตกรน่าจะเกี่ยวกับชีวิตของเขาในวัยเด็กนั้น เขาน่าจะตรงไปพัทยาเลย ไม่ต้องย้อนมาบ้านเกิดแล้วก็สืบรู้ว่านัทอยู่ที่พัทยา (ก็ตอนไปก็ไปด้วยกันนี่หว่า)

ทำให้เนื้อหาตรงนี้ดูขาด ๆ ไป แล้วดูแล้วไทก็แทบไม่ได้ทำอะไรเลยในแบบที่เรียกว่า "สอบสวนหาความจริง" นอกจากว่าจะตามไปจนเจอหลักฐานว่านัทแปลงเพศเป็นน้อยแล้ว

อีกอย่างคือการฆ่าของน้อยดูไม่สมเหตุสมผลไปหน่อย ฝรั่ง กับ ครูโอเค แต่กับต๊อก ผมว่าสิ่งที่เขาทำกับนัทตอนเด็ก ๆ เป็นแค่การแกล้งกันเล่นของเด็กที่นิสัยไม่ดีเท่านั้น ไม่น่าจะเป็นแรงจูงใจให้เก็บมาฆ่าโหดขนาดนั้น แล้วยิ่งฆ่าหมดยกปาร์ตี้เลยยิ่งดูเลยเถิดกันใหญ่

อย่างที่พูดไว้ข้างต้น ตอนท้ายเรื่องที่เป็นไคลแมกซ์ของเรื่องนั้นอารมณ์ที่ต้องการจะบิ๊วท์ให้ไปถึงจุดหนึ่งนั้นทำไม่ถึง ส่วนหนึ่งมาจากการแสดง อีกส่วนหนึ่งผมว่ามาจากการกำหนดสถานการณ์ด้วย

เราจะเห็นตำรวจวิ่งรถมาแต่ไกล และจอดใกล้กับโรงนาแล้ว แต่จนแล้วจนรอดตำรวจก็วิ่งมาไม่ถึงซักที อันนี้อย่างหนึ่ง

อีกอย่างคือไทไม่กลัวตำรวจเห็นเหรอ ตอนที่ยิงนัท(หรือน้อย) ถึงตำรวจไม่เห็นก็ตาม ยิงเสร็จแล้วไงต่อ หนำซ้ำยิงในท่านั้น ตอนยิงผมสะดุ้งเลย ไม่ใช่เพราะตกใจสงสาร แต่เพราะตกใจว่าเฮ้ยยิงกันท่านี้ไม่กลัวโดนตัวเองเหรอ

ถ้าเปลี่ยนโลเกชั่นเป็นประภาคารแล้วน้อยกำลังจะตกลงมา เพราะก่อนนี้ต่อสู้แย่งปืนกัน หรืออะไรบางอย่าง แล้วไทคว้ามือไว้ได้ แล้วไม่ยอมปล่อย แต่น้อยบอกให้ปล่อย ร้องห่มร้องไห้ พูดขอโทษกันและกัน ไทพยายามอย่างที่สุด แต่น้อยขอร้องให้ปล่อยเขาไป สุดท้ายมือก็หลุดจากกัน (โดยที่คนดูต้องเก็บมาคิดต่อว่าไทตั้งใจปล่อยตามคำขอร้องหรือมือหลุดจากกันเอง) น้อยตกลงมาตาย ดนตรีขึ้น ภาพตัดเป็น flash back ตอนที่เล่นกันตอนเด็ก ๆ ในทุ่งหญ้าและโรงนา ตัดสลับกลับมาที่ภาพปัจุบันแบบสโลว์นิด ๆ ไม่มีเสียงตัวละคร ไทคุกเข่าร้องไห้ กล้องแพนมุมกว้างออกจากเหตุการณ์ไปยังทุ่งหญ้า ปรากฏภาพเด็กทั้งสองคนวิ่งเล่นว่าวกันกลางทุ่งหญ้าสนุกสนาน

จะดีไหม ก็คิดกันไป

ป.ล.

สารภาพอย่างหนึ่ง ผมรู้ว่าตอนจบจะเฉลยว่าน้อยคือนัท ตั้งแต่ยังไม่ถึงกลางเรื่องดี เพราะผมชอบดูหนังแบบนี้ อ่านนิยายแบบนี้ และตั้งใจจะคิดพล็อตนิยายแนวนี้ขึ้นมาเขียนด้วย ทำให้จินตนาการไปเรื่อย กอปรกับเคยดูเรื่องนี้ที่ตอนท้ายเฉลยว่านางเอกเป็นเพื่อนพระเอกแปลงเพศมาเรื่องนี้ ซึ่งเป็นหนังสยองขวัญของไทยเรื่องหนึ่ง แต่เรื่องนั้นเข้าขั้นบทแย่ บางคนบอกว่าห่วยด้วยซ้ำ นัั่นก็คือ

(ถ้าพูดถึงตรงนี้แล้วคุณยังนึกชื่อเรื่องนั้นไม่ออก แสดงว่าคุณไม่เคยดูมาก่อน ถ้าไม่อยากถูกสปอยล์ ให้ข้ามไปเลย)
spoil alert











ใช่แล้วครับสวยลากไส้นั่นเอง


ถือว่าเซ็งไปเลย

2 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ20 กันยายน 2554 เวลา 20:45

    เยี่ยมครับ ... คิดเหมือนกัน เพราะไม่ค่อยมีโอกาสดูหนังบ่อยนัก แต่พอดูหนังเรื่องนี้มันทำให้เราอยากตามติดเรื่องเหมือนกัน และพอถึงจุดไคลแม็กซ์ของเรื่องก็อึ้งอะ ... เป็นหนังที่ทำให้เรารู้สึกเศร้าและซาบซึ้งได้ในเวลาเดียวกันเลยครับ

    ให้กำลังใจนะครับ ... วิจารณ์หนังได้ดีครับ :)

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ23 เมษายน 2555 เวลา 22:58

    หนังดีมากค้าบบบ ยังไม่ได้ดูเเต่รุ้เลยยย น้อยเป็นข้าตะกอนน ! 55555

    ตอบลบ