ยินดีต้อนรับครับ

ยินดีต้อนรับครับ

ทักทาย

ผมลองจัดระเบียบบล็อกใหม่ดูนะ ครับ

โดยแบ่ง Group Blog ออกตามประเภทของหนังและนิยายนะครับ
เพราะคิดว่าหลายคนส่วนใหญ่ไม่ได้ชอบ ดูหนังทุกประเภท

เช่น บางคนชอบดูหนัง Romantic แต่ไม่ชอบดูหนังสยองขวัญเลย เพราะไม่ชอบ น่ากลัว

บางคนก็ชอบดูหนัง สยองขวัญเป็นชีวิตจิตใจ หนังชีวิตน่าเบื่อมาก ไม่ชอบดู

ผมเลยแบ่ง หมวดหมู่เป็นประเภทของหนัง (แต่ตอนนี้แต่ละหมวดยังน้อยอยู่) เผื่อว่าใครผ่านเข้ามาในบล็อกแล้วอยากจะอ่านรีวิวเก่า ๆ จะได้เลือกได้ตามประเภทของหนังตามที่ชอบได้

ที่แบ่งตั้งแต่ตอนนี้ แม้หนังที่เขียนยังไม่เยอะ เพราะคิดว่าต่อไปเกิดเยอะมาแบ่งที่หลังจะยิ่งเสียเวลาน่ะครับ

บางเรื่องก็แบ่งยากเหมือนกัน มันคาบเกี่ยวกัน แต่ผมจะพยายามยึดอารมณ์ของหนังเป็นหลักน่ะครับ

อ้อ แล้วก็ในบล็อกผมตั้งใจจะขึ้นคำเตือนในทุกบล็อกว่าตรงไหนคุยแบบไม่สปอยล์ ตรงไหนคุยแบบสปอยล์ เวลาใครมาอ่านจะได้อ่านแบบสบายใจได้ไม่ต้องกลัวถูกสปอยล์นะครับ

ถ้าใครแวะมาแล้วไม่รู้จะคอมเมนต์ อะไร ก็ฝากข้อความทิ้งไว้ที่ Shout Box ด้านข้างได้นะครับ


ขอบคุณ ทุกท่านที่แวะเวียนมาอ่านนะครับ ผมก็จะแวะเวียนไปหาท่านด้วยเช่นกัน ตามโอกาสและเวลา

วันเสาร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2553

ความจำสั้นแต่รักฉันยาว : ดูไปยิ้มไป อิ่มใจในความรัก แบบจำ ๆ ลืม ๆ



รีวิวกึ่งวิจารณ์ ไม่สปอยล์เนื้อหาสำคัญครับ



ช่วงนี้ไล่ดูหนังที่มีชื่อเข้าชิงรางวัลสุพรรณหงส์ทีละเรื่อง

สารภาพว่าตอนที่ดูหนังเรื่องนี้นั้น ไม่ได้รู้เรื่องย่อ
ไม่ได้อ่านรีวิวจากที่ไหน รู้แค่ว่าใครแสดง และใครสร้างใครกำกับเท่านั้น
อ้อ แล้วก็รู้ว่าในโปสเตอร์มีคำโปรยว่า "ใคร ๆ ก็ว่าปลาทองความจำสั้นแล้วรักของเราจะยาวกว่าไหม"

แต่อีกประโยคหนึ่งที่ว่า "บางคนใช้เวลาทุกวินาทีเพื่อลืมรักครั้งแรก แต่บางคนใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อลืมรักครั้งสุดท้าย" นั้่นผมไม่เห็น



ทำให้ผมดูหนังเรื่องนี้ แบบคาดเดาไปเรื่อยตลอดเวลาว่าใครในเรื่องนี้กันแน่ที่เป็นเจ้าของประโยคที่เป็นชื่อหนัีง คือ "ความจำสั้นแต่รักฉันยาว"
ซึ่งนั่นทำให้ผมดูหนังเรื่องนี้อย่างสนุกสนานมากขึ้น

หนังดำเนินเรื่อง ด้วยเรื่องราวความรักของคน 2 คู่ คือ



คู่ของเก่ง (รับบทโดยคุณเป้ อารักษ์) สัตวแพทย์หนุ่ม
กับฝ้ายเจ้าของธุรกิจรับจัดสวน (รับบทโดยคุณญารินดา บุนนาค)
ซึ่งรักสัตว์เป็นชีวิตจิตใจ พ่วงด้วยสุนัขอีกหนึ่งตัว ซึ่งเป็นตัวเชื่อมให้คนทั้งสองพบกัน

ทั้งสองคนนี้ต่างเป็นตัวแทนของความจำสั้นแต่รักฉันยาวกันคนละแง่มุม

ซึ่งสะท้อนความจริงของชีวิตรักคนเรา ที่อาจโดนใจใครหลาย ๆ คน ที่หลายครั้งเราควรจะลืมเรื่องที่ควรลืมไปได้แล้ว แต่กลับตัดใจไม่ได้ ชีวิตไม่สามารถก้าวต่อไปข้างหน้าได้

การแสดงของคุณเป้ในบทหนุ่มอารมณ์ดี นิสัยกวน ๆ ปากเสียบ้าง แต่มีน้ำใจนั้นให้การแสดงที่ดี น่าพอใจ อาจมีช่วงปล่อยมุกบางมุกนั้นที่แป็กไปบ้าง เพราะผมรู้สึกว่าจังหวะการปล่อยมันยังไม่ลงตัวเท่าไหร่

แต่สำหรับคุณญารินดานั้นตอนที่ดูผมพูดเลยว่า "นางเอกแสดงโคตรดี"

บทของคุณญารินดานั้นเป็นผู้หญิงที่ไม่เรื่องมาก มีทัศนคติที่ดีต่อชีวิต แต่ยามมีปัญหาเธอก็กล้ำกลืนและฝืนยิ้มไป

คนดูจะรู้สึกว่าบางครั้งก็ดูเหมือนเธอจะรับมือกับเรื่องที่ผ่านมาได้ แต่บางวินาทีเราก็จะเห็นว่าเธอยังไม่สามารถตัดใจลืมเรื่องราวในอดีตได้ จนถึงจุดหนึ่งที่เธอไม่สามารถรับมือกับความรู้สึกภายในของตัวเองได้แล้ว จนตัดสินใจระบายมันออกมา (โดยได้สารตัวนำยิ่งยวดชนิดหนึ่งช่วยกระตุ้นเร้า)

เราจึงได้เห็นรับทราบความรู้สึกจริง ๆ ของผู้หญิงคนนี้

นอกจากนี้แล้วคุณญารินดายังทำให้ฝ้ายเป็นผู้หญิงที่ดูดีมีสเน่ห์ น่าคบหาเป็นอย่างยิ่ง ทั้งจังหวะการพูดและรอยยิ้ม ทำให้คนที่อยู่ใกล้เธอสามารถหลงรักเธอได้



(ขณะที่ผมดูเรื่องนี้จบ นอกจากรถไฟฟ้ามาหานะเธอแล้วผมยังไม่ได้ดูเรื่องอื่น ๆ
ที่มีคู่แข่งของเธอเลยยังไม่สามารถเปรียบเทียบได้แต่ถ้าต้องเลือกระหว่างคุณคริส หอวัง กับคุณญารินดา ผมชอบรายหลังมากกว่านะ)

อีกคู่หนึ่งนั้นเป็นเรื่องราวของลุงจำรัส (รับบทโดยคุณกฤณ เศรษฐดำรงค์) เจ้าของสวนทุเรียนที่ชุมพร ที่ยอมขับรถมาเรียนคอมพิวเตอร์ที่กรุงเทพฯ ทุกสัปดาห์ ด้วยเหตุผลว่า "คนมันมีความรัก" กับป้าสมพิศ (รับบทโดยคุณศันสนีย์ วัฒนานุกูล) ผู้มีหัวใจวัยรุ่น และไฮเทคไม่ใช่เล่น



ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของหนังสำหรับผมนั้น คือ ช่วงเวลาที่มีคนคู่นี้ปรากฏอยู่บนจอ

ทั้งสองคนให้การแสดงที่ถึงคุณภาพเอามาก ๆ (สำหรับผม) ซึ่งผมก็คิดว่าหลายคนที่ดูเรื่องนี้ก็น่าจะรู้สึกอย่างนั้นเช่นกัน (รวมทั้งคณะกรรมการจากหลาย ๆ เวทีด้วย)

ถ้าคุณเป้ เล่นเรื่องนี้เป็นหนุ่มกวน ๆ ได้น่ารักขนาดไหน คุณกฤณก็เล่นเป็นหนุ่ม (เหลือน้อย) กวน ๆ ได้น่ารักกว่านั้น ซัก... 3-4 เท่าแล้วกัน

จังหวะการปล่อยมุกของคุณกฤณในเรื่องก็ลงตัวมาก ๆ โดยเฉพาะฉากใต้ต้นชมพู่มะเมี่ยวนั้น เป็นเสียงหัวเราะที่ดังที่สุดที่เกิดขึ้นระหว่างดูหนังของผม และหลังจากนั้นก็ตามด้วยความซึ้งประทับใจที่สุดในหนัง แบบไม่รู้สึกกระอักกระอ่วนหรือเลี่ยนแต่อย่างใด



ในทางเดียวกันคุณศันสนีย์ก็แสดงเป็นป้าพิศได้น่ารักมาก เผลอ ๆ จะน่ารักกว่านางเอกด้วยซ้ำ ไม่แปลกใจที่จะมีหนุ่ม (เหลือน้อย) ซักคนยอมขับรถหลายร้อยกิโลมาหา

ไม่ใช่้เพื่อมาตามจีบ แต่เพื่อให้ตัวเองได้มีช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีิวิตต่างหาก

การแสดงของป้าพิศที่ต้องแสดงเป็นคนที่มีความอึดอัดอยู่ระหว่้างรักแท้ครั้งใหม่ได้พบในวัยที่อยู่ในช่วงท้าย ๆ ของชีิวิต กับลูก ๆ ที่ไม่มั่นใจว่าเขาจะรับได้หรือไม่

จนเมื่อเรื่องราวมาถึงจุดต้องตัดสินใจว่าจะเลือกเดินไปทางใดนั้น แสดงได้ดีจริง ๆ สมบทบาท ให้เราคนดูเห็นใจและเอาใจช่วยได้อย่างเต็มี่

จนสุดท้ายตัวละครทุกตัวก็เลือกที่จะทำเพื่อคนที่ตัวเองรัก อย่างไม่เห็นแก่ตัว ยอมรับในวิถีชีิวิตของตัวเอง และก้าวต่อไปข้างหน้า



บทหนังมีเรื่องราวที่แข็งแรง ตัวละครบางตัวก็จำเรื่องที่ไม่ควรจำ
แต่ก็ลืมบางเรื่องไป แล้วค่อยจำได้ภายหลัง
บางคนก็แกล้งลืม แต่แท้จริงแล้วจำได้ไม่เคยเลือน
บางคนก็เลือกที่จดจำให้นา่นที่สุดเท่าที่จะนานได้ แม้ฝ่ายหนึ่งจะไม่อาจจำได้นานเท่าอีกฝ่ายหนึ่ง




หนังยังมีกิมมิกสอดแทรกตลอดทั้งเรื่องที่ทำให้เราประทับใจและถูกนำมาใช้
อธิบายแง่มุมตามชื่อหนังได้ในหลายตอน เช่น
ตอนที่ลุงจำรัสปูที่นอนให้ป้าพิศ , เรื่องของชมพู่มะเมี่ยว ,
หรือฉากใต้ต้นชมพู่ , MSN , ซีดีเพลง

เอ๊ะ มีแต่เรื่องของลุงจำรัสกับป้าพิศซะส่วนใหญ่นี่นา
เห็นไหมล่ะว่าใครกันแน่เป็นพระเอก นางเอกของเรื่องนี้

ลืมให้คะแนนเรื่องนี้ กลับมาให้คะแนน
ผมให้ 8/10 คะแนน หนังสร้างความประทับให้กับผมและอีกหลายคนได้ไม่ยากเลยครับ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น